เทลสกอร์ มองตลาดคอนเทนต์ครีเอเตอร์ทั่วโลกจะเพิ่มเป็น 16 ล้านล้านบาทใน 7ปีหน้ายังไม่รวมตลาดในจีน ส่วนไทยยังขยายตัว 20-30% แนะอินฟลูฯต้องรู้ทันกลไกเศรษฐศาสตร์ลดเสี่ยงหลอกรีวิวสินค้า
สุวิตา จรัญวงศ์ ประธานกรรมการบริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท เทลสกอร์ จำกัด แพลต์ฟอร์มด้านอินฟลูเอนเซอร์ มาร์เก็ตติ้ง เปิดเผยว่า ปัจจุบันโซเชียลมีเดีย กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของผู้คน และเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมในระดับประเทศ
โดยมีผู้ใช้งานโซเชียลมีเดียในประเทศไทยถึง 50 ล้านคน หรือคิดเป็น 71.5%ของจำนวนประชากรทั้งหมด ซึ่ง 55% ของผู้บริโภคชี้ว่า โปรโมชันและส่วนลดจากอินฟลูเอนเซอร์เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้พวกเขาติดตามครีเอเตอร์
“ไม่น่าแปลกใจที่อุตสาหกรรมคอนเทนต์ครีเอเตอร์และอินฟลูเอนเซอร์กลายเป็นหนึ่งในภาคเศรษฐกิจที่สร้างรายได้มหาศาลให้กับคนไทย” สุวิตา กล่าว
ปัจจุบันมีผู้ทำงานด้านนี้เกือบ 9 ล้านคน แบ่งเป็นครีเอเตอร์แบบ Full-time กว่า 2 ล้านคน และ Part-time เช่น Micro-influencers ที่มีผู้ติดตามในช่วง 1,000-20,000 คน ทั้งหมดนี้มีส่วนสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจในประเทศไทยมากกว่า 45,000 ล้านบาทในปี 2024
นอกจากนี้ เมื่อมองในระดับโลก ขณะนี้มี Content Creators รวมทั้งสิ้น 200 ล้านคนจากจำนวนประชากรโลกกว่า 7,000 ล้านคน ขนาดตลาดคอนเทนต์ครีเอเตอร์ทั่วโลกในปี 2024 ถูกประมาณการไว้ที่ 5.5 ล้านล้านบาท และคาดว่าจะเติบโตถึง 16 ล้านล้านบาทภายในปี 2030 โดยที่ยังไม่รวมตลาดของประเทศจีน”
ทั้งนี้ เทลสกอร์ ยังร่วมกับพันธมิตรทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ได้แก่ ศูนย์วิจัยอนาคตศึกษา (FutureTales Lab by MQDC) และ สถาบันวิชาการเพื่อความยั่งยืนทางสุขภาพจิต (TIMS) ร่วมศึกษาแนวโน้มแห่งการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมสื่อคอนเทนต์ ครีเอเตอร์และอินฟลูเอนเซอร์ในอนาคต หรือ foresight study on futures of content creators in 2035,Thailand เพื่อร่วมกันกำหนดทิศทาง นโยบาย และยุทธศาสตร์ต่าง เพื่อให้อุตสาหกรรมนี้เติบโตอย่างเข้มแข็งต่อไป
พร้อมกันนี้ เทลสกอร์ ได้ร่วมกับกลุ่มเดอะมอลล์ จัดงาน The Mall Lifestore Presents Thailand Influencer Awards by Tellscore ภายใต้แนวคิด The Future is Yours! งานประกาศรางวัลสุดยอดอินฟลูเอนเซอร์ และสุดยอดอินฟลูเอนเซอร์แคมเปญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปี ต่อเนื่องเป็นปืที่ 6 พร้อมประกาศรางวัลรวมทั้งสิ้น 60 สาขา แบ่งรางวัลเป็น Brand & Agency Awards 27 สาขา และ Influencer Awards 33 สาขา ณ เอ็มซีซี ฮอลล์ ศูนย์การค้าเดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ บางกะปิ เมื่อวันศุกร์ที่ 18 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา
โดยการจัดงานฯ เพื่อมุ่งย้ำศักยภาพอินฟลูเอนเซอร์และนักการตลาดที่มีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางและสร้างอนาคตเศรษฐกิจไทย พร้อมเฟ้นหาอินฟลูเอนเซอร์คุณภาพ เพื่อสร้างตัวอย่างที่ดีให้แก่วงการ และส่งเสริมการสร้างมาตรฐานและความเข้มแข็งให้กับคอมมิวนิตีอินฟลูเอนเซอร์ไทย ต่อยอดสู่การยกระดับสู่มาตรฐานสากล
นอกจากนี้เทลสกอร์ยังได้มุ่งสร้างระบบนิเวศ (Ecosystem) ผ่านการวิจัยเกี่ยวกับโอกาสและความท้าทายของอุตสาหกรรมนี้ที่เติบโตอย่างต่อเนื่องเฉลี่ย 20-30% ต่อปี แต่ยังขาดทิศทางที่ชัดเจน นิยามของคอนเทนต์ครีเอเตอร์และอินฟลูเอนเซอร์ในบริบทของสื่อมวลชนยังคงไม่ชัดเจน โดยจะศึกษาความเป็นไปได้ในอนาคตภายใต้โครงการ ‘Foresight Study on Futures of Content Creators in 2035, Thailand’ คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในต้นปี 2025 เพื่อนำไปใช้เป็นแนวทางพัฒนาศักยภาพของอุตสาหกรรมคอนเทนต์ครีเอเตอร์ในอนาคต
สุวิตา กล่าวว่า สำหรับแนวโน้ม (เทรนด์) การทำคอนเทนต์ปี 2025 จะเพิ่มความท้าทายให้กับคอนเทนต์ครีเอเตอร์และอินฟลูเอนเซอร์ ซึ่งปัจจุบันอินฟลูเอนเซอร์หลายคนก็ผันตัวมาเป็นแม่ค้าออนไลน์ด้วย ต้องสร้างสรรค์เนื้อหาที่มีความสนุก แต่ขณะเดียวกันก็ต้องให้ความรู้ และโดนใจผู้ชมนำไปสู่การปิดการขาย
“ปรากฏการณ์น้องหมีเนย หรือ ‘butter bear’ รวมถึง ‘น้องหมูเด้ง’ ที่โด่งดังไปทั่วโลก นำไปสู่การดึงเม็ดเงินมหาศาลให้กับภาคท่องเที่ยว สะท้อนให้เห็นว่า สังคมไทยอยู่ในภาวะเครียดโดยไม่รู้ตัวและต้องการคอนเทนต์ที่มอบความบันเทิง” สุวิตากล่าวพร้อมเสริมว่า
นอกจากปัจจัยด้านการนำเสนอเนื้อหาที่ตรงใจกลุ่มเป้าหมาย อีกหนึ่งปัจจัยที่จะสร้างรายได้ให้กับอินฟลูเอนเซอร์มากขึ้น คือ การเกิดแพลตฟอร์มใหม่ๆ ซึ่งอินฟลูฯ ต้องก้าวให้ทัน เพราะแต่ละแพลตฟอร์มจะจับกลุ่มผู้บริโภคต่างกัน รวมถึงการหาความรู้ด้านกลไกเศรษฐศาสตร์ เพื่อเข้าใจระบบเศรษฐกิจ ลดความเสี่ยงในการถูกหลอกให้รีวิวสินค้า หรือ ขายสินค้าที่ให้ค่าตอบสูงผิดปกติ