คู่ค้าเศรษฐกิจฟื้นหนุนส่งออกโตเกินเป้าทำนิวไฮปีนี้

คู่ค้าเศรษฐกิจฟื้นหนุนส่งออกโตเกินเป้าทำนิวไฮปีนี้
‘พาณิชย์’คาดทั้งปีขยายตัวเกิน 2 % มูลค่าแตะ 2.9 แสนล้านเหรียญสหรัฐ มีโอกาสทำนิวไฮ ปัจจัยบาทแข็งไม่กระทบ เหตุสินค้าเกษตร-อุตสาหกรรมเป็นที่ต้องการ ตลาดตอบรับดี

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยถึงภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทยเดือนกันยายน และ 9 เดือนแรกของปี 2567  การส่งออกของไทยในเดือนกันยายน 2567 มีมูลค่า 25,983.2 ล้านเหรียญสหรัฐ (889,074 ล้านบาท) ขยายตัวร้อยละ 1.1 หากหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย ขยายตัวที่ร้อยละ 3.1 การส่งออกขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ขยายตัวในทุกหมวดสินค้า โดยเฉพาะสินค้าเกษตรและอาหารที่ได้รับแรงหนุนจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นในตลาดโลก

รวมทั้งสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เติบโตต่อเนื่องตามวัฏจักร ประกอบกับสินค้ามีคุณภาพและราคาที่แข่งขันได้ ขณะที่เศรษฐกิจในตลาดหลักอย่างสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป เริ่มฟื้นตัวจากสถานการณ์เงินเฟ้อที่คลี่คลาย ส่งผลให้อุปสงค์ในตลาดเหล่านี้เพิ่มขึ้น

นอกจากนี้การปรับตัวลดลงของค่าระวางเรือในเส้นทางการค้าสำคัญยังช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันด้านราคา ที่สำคัญ การเกินดุลการค้าต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ถือเป็นสัญญาณบวกต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของภาคการส่งออกไทย

ทั้งนี้ การส่งออกไทย 9 เดือนแรกของปี 2567 ขยายตัวร้อยละ 3.9 และเมื่อหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย ขยายตัวร้อยละ 4.2  โดยมีมูลค่า 223,176.0 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนการนำเข้า มีมูลค่า 229,132.8 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 5.5 ดุลการค้า 9 เดือนแรกของปี 2567 ขาดดุล 5,956.8 ล้านเหรียญสหรัฐ

ด้านการส่งออกเมื่อคิดเป็นมูลค่าการค้าในรูปเงินบาท เดือนกันยายน 2567 การส่งออก มีมูลค่า 889,074 ล้านบาท หดตัวร้อยละ 0.8 เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน การนำเข้า มีมูลค่า 886,336 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 7.8 ดุลการค้า เกินดุล 2,738 ล้านบาท ภาพรวม 9 เดือนแรกของปี 2567 การส่งออก มีมูลค่า 7,957,895 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 8.6 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน การนำเข้า มีมูลค่า 8,264,589 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 10.2 ดุลการค้า 9 เดือนแรกของปี 2567 ขาดดุล 306,694 ล้านบาท

สำหรับการส่งออกสินค้าเกษตรขยายตัวร้อยละ 0.2 และสินค้าอุตสาหกรรมเกษตร ขยายตัวร้อยละ 7.8 โดยมีสินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ ข้าว ขยายตัวร้อยละ 15.2 ขยายตัวต่อเนื่อง 4 เดือน ยางพารา ขยายตัวร้อยละ 47.4 ขยายตัวต่อเนื่อง 11 เดือน  อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ขยายตัวร้อยละ 15.6 ขยายตัวต่อเนื่อง 3 เดือน อาหารสัตว์เลี้ยง ขยายตัวร้อยละ 21.5 ขยายตัวต่อเนื่อง 12 เดือน  เป็นต้น

ขณะที่สินค้าสำคัญที่หดตัว อาทิ ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง และแห้ง ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง น้ำตาลทราย  ไก่สด แช่เย็น แช่แข็ง และผักกระป๋องและผักแปรรูป  โดย 9 เดือนแรกของปี 2567 การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร ขยายตัวร้อยละ 5.4

ส่วนการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมขยายตัวร้อยละ 2.0 (YoY) ขยายตัวต่อเนื่อง 6 เดือน โดยมีสินค้าสำคัญที่ขยายตัว อาทิ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง   เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ  เคมีภัณฑ์  เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ ขณะที่สินค้าสำคัญที่หดตัว อาทิ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ  เม็ดพลาสติก  เหล็ก เหล็กกล้า และผลิตภัณฑ์  เป็นต้น

สำหรับแนวโน้มการส่งออกคาดการณ์ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2567 จะยังคงเติบโตต่อเนื่อง แม้เผชิญกับความท้าทายหลายประการ เช่น การเลือกตั้งในสหรัฐฯ ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ การแข็งค่าของเงินบาท ปัญหาอุทกภัยที่ส่งผลกระทบต่อผลผลิตสินค้าเกษตร และการเปลี่ยนแปลงนโยบายการส่งออกข้าวของอินเดียที่อาจกระทบการส่งออกข้าวไทย เป็นต้น  โดยทั้งปีส่งออกมีโอกาสโตกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ 2 % และมูลค่าส่งออกยังสามารถทำสถิติสูงสุด(นิวไฮ) แตะที่ 290,000 ล้านเหรียญสหรัฐได้เมื่อเทียบกับสถิติที่เคยทำไว้ในปี2565 อยู่ที่ 287,000 ล้านเหรียญสหรัฐ

อย่างไรก็ดี ปัจจัยบากที่จะส่งเสริมให้การส่งออกขยายตัวมาจากการใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น ขณะที่ความต้องการสินค้าเกษตรและอาหารไทยมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลและฤดูกาลท่องเที่ยวปลายปี นอกจากนี้ แนวโน้มการลดลงของอัตราค่าระวางเรือขนส่งสินค้า จะช่วยลดต้นทุน ด้านโลจิสติกส์ และเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันให้แก่ผู้ส่งออกไทย ทำให้สินค้าไทยมีโอกาสเข้าถึงตลาดต่างประเทศได้มากขึ้น

 

 

TAGS: #ส่งออก #สินค้าเกษตร #สินค้าอุตสาหกรรม #ค่าเงินบาทแข็ง