“ซิซซ์เล่อร์” ขยับสู่ร้านพรีเมียมเทียบเมนูสเต็กหรูโรงแรม วาง 3 กลยุทธ์หลัก พร้อมขยายสาขาใหม่ไปหัวเมืองท่องเที่ยว สิ้นปีมี 64 สาขา วางเป้ายอดขายปี66 โตมากกว่า 3พันล.
อนิรุทธ์ เดวิด คอลลินส์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัทเอสแอลอาร์ที จำกัด (ซิซซ์เล่อร์) ในเครือเดอะไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)กล่าวว่า ในปี 2566 นี้เป็นปีสำคัญในการดำเนนินธุรกิจแบรนด์ซิซซ์เล่อร์ จากสถานการณ์ต่างๆได้คืนกลับสู่ปกติ ส่งผลให้ยอดขายในช่องทางร้านสาขากลับมาเติบโตในอัตรา2 หลัก เทียบกับช่วงโควิดในปี 2563 ที่ผ่านมา
“แบรนด์ซิซซ์เลอร์ มีต้นกำเนิดครั้งแรกในปี 2501 โดยสองสามีภรรยาได้ก่อตั้งร้านสเต็ก และสลัดซิซซ์เล่อร์ สาขาแรกในเมืองคลูเวอร์ รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา โดยชื่อ Sizzler มีที่มาจากเสียงฉ่า ของสเต็กเมื่อเสิร์ฟบนกระทะร้อนๆ” อนิรุทธ์ เล่า
พร้อมกล่าวต่อว่า จากที่มาของร้านซิซซ์เลอร์ ทำให้บริษัทได้นำมาปรับใช้กับการทำธุรกิจในปีนี้ เพื่อตอกย้ำความเป็นแบรนด์ร้านเสต็กที่แข็งแกร่งในประเทศไทย เพื่อแข่งขันกับตลาดทั้งทางตรงและทางอ้อม อาทิ ร้านสลัดแบบสแตนด์อโลน และร้านสเต็กแบรนด์ต่างๆ ที่เปิดให้บริการเป็นจำนวนมากในช่วงที่ผ่านมา
โดยบริษัทฯ จะดำเนินธุรกิจภายใต้กลยุทธ์หลัก คือ การวางตำแหน่งแบรนด์ซิซซ์เลอร์ในกลุ่มสเต็กระดับพรีเมียม ภายใต้แนวคิด Fresh Premium Quality ด้วยจุดเด่นคุณภาพสินค้าระดับเมนูสเต็กในโรงแรม
พร้อมจัดทำเมนูเล่มอาหารในราคาที่เข้าถึงลูกค้าๆได้ในแต่ละช่วงมื้ออาหาร โดยจะสลับเปลี่ยนหมุนเวียนเมนูใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังใช้กลยุทธ์ราคาเมนูอาหารสำหรับลูกค้าที่เป็นสมาขิซซ์เลอร์ อาทิ เมนูราคาปกติ 299 บาท หากเป็นสมาชิกจะอยู่ที่ 270 บาท เป็นต้น
“กลยุทธ์ราคาดังกล่าว เพื่อดึงดูดกลุ่มลูกค้าร่วมเป็นสมาชิกซิซซ์เลอร์จำนวนมากขึ้น โดยวางเป้าหมายสิ้นปีจะมีเมมเบอร์เพิ่มขึ้น30% จากปัจจุบันมียอดสมาชิกราว 3 แสนราย” อนิรุทธ์ กล่าว
นอกจากนี้ อีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญ คือโปรโมชัน ซื้อ2 แถม2 (Buy 2 Get 2) สำหรับบริการจัดส่งอาหาร(เดลิเวอรี) ซึ่งจะเริ่มเปิดตัวในเดือนเมษายน นี้โดยแคมเปญดังกล่าวเพื่อเพิ่มความถี่ในการใช้บริการเดลิเวอรี รองรับกลุ่มลูกค้ากินเลี้ยงสังสรรค์ หรือ ปาร์ตี ให้มีจำนวนมากขึ้น
อนิรุทธ์ กล่าวว่าในปีนี้ บริษัทมีแผนขยายสาขาซิซซ์เลอร์ เพิ่มอีก 3-4 สาขา วาวงทำเลกระจายในหัวเมืองจังหวัดท่องเที่ยว เพื่อรองรับและให้บริการแก่ลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างชาติ ที่จะกลับมายังประเทศไทยจำนวนมากขึ้น โดยสิ้นปีจะมีสาขาทั้งสิ้น 63-64 แห่ง
ทั้งนี้จากแผนดังกล่าวคาดยังจะผลักดันให้ลูกค้ามีการใช้จ่ายต่อใบเสร็จเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 800 บาท จากก่อนหน้าอยู่ที่ 700 บาทต่อใบเสร็จ โดยวางเป้าหมายสิ้นปีมีรายได้เติบโตมากกว่าในปี2563 ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 3,000 ล้านบาท