UAC รุกธุรกิจพลังงานสะอาด คาดหวังรายได้แตะ 2,000 ล้านบาท ตั้งงบลงทุน 300 ล้าน เดินหน้าพัฒนาโครงการเดิม ทั้งโรงไฟฟ้าชุมชน-ปิโตรเลียม รวมทั้งมองหาโอกาสลงทุนธุรกิจใหม่
นายชัชพล ประสพโชค ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูเอซี โกลบอล จำกัด (มหาชน) หรือ UAC เปิดเผยถึงในปี 2566 วางงบลงทุนไว้ประมาณ 200-300 ล้านบาท เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจและสร้างการเติบโต ทั้งกิจการด้านพลังงานสะอาด พลังงานทดแทน ปิโตรเลียม รวมถึงการศึกษาการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง โดยคาดการณ์รายได้รวมในปีนี้จะอยู่ที่ระดับ 2,000 ล้านบาท หรือ เติบโตขึ้น 10-15% จากปีก่อน ที่มีรายได้รวม 1,804.92 ล้านบาท
ขณะที่การเติบโตของกำไรก่อนหักค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ในปี2566 คาดว่า จะเติบโตตามเป้าหมายเฉลี่ย 20% ต่อปี จากปี 2565 EBITDA อยู่ที่ 241.15 ล้านบาท
ทั้งนี้มีแผนใช้ลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนภูผาม่าน จ.ขอนแก่น กำลังการผลิต 3 เมกะวัตต์ ใช้หญ้าเนเปีย์เป็นเชื้อเพลิง 300 ตันต่อวัน แบ่งเป็น 2 หน่วยผลิต หน่วยละ 1.5 เมกะวัตต์ ซึ่งหน่วยแรก คาดว่าจะเดินเครื่องจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์(COD) ไตรมาส 3 ปีนี้ และหน่วยที่ 2 อีก 1.5 เมกะวัตต์ คาดว่าจะ COD ไตรมาส 4 ปีนี้ โดยมีแผนจะใช้เงินลงทุนในโครงการนี้อีกประมาณ 20 ล้านบาท เพื่อทำให้โรงไฟฟ้ามีความสมบูรณ์มากขึ้น จากเดิมที่ลงทุนไปแล้ว 300 ล้านบาท
สำหรับโครงการจัดการขยะ เพื่อผลิตพลังงานทดแทน และแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ ที่นำกลับมาใช้ใหม่ที่ เวียงจันทร์ สปป.ลาวในโดยเฟสแรกเป็นโครงการบริหารจัดการขยะ และมีแผนลงทุนเพิ่ม 100 ล้านบาทเพื่อต่อยอดการผลิตและจำหน่ายเชื้อเพลิงจากขยะ หรือ RDF3 โดยเซ็นสัญญาขาย RDF3 ให้กับโรงงานผลิตปูนซีเมนต์ในสปป.ลาว กำลังการผลิต 120 ตันต่อวัน คาดว่าจะสร้างเสร็จในเดือนพ.ค.นี้
ส่วนกรณี บริษัท ยูเอซี เอ็นเนอร์ยี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ UAC เข้ายื่นประมูลโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในรูปแบบ Feed-in-Tariff (FiT) ปี 2565-2573 จำนวน 6 โครงการ กำลังผลิต 14.25 เมกะวัตต์ นั้น ยังไม่ผ่านการคัดเลือกแต่ก็พร้อมเข้าร่วมโครงการในระยะที่ 2 ที่จะเปิดรับซื้อไฟฟ้าราว 3,660 เมกะวัตต์ต่อไป
ปัจจุบัน UAC มีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 13.5 เมกะวัตต์ แบ่งเป็น โครงการโซลาร์เซลล์ 2 เมกะวัตต์ ที่จ.สมุทรปราการ และจ.สุราษฎร์ธานี ,โรงไฟฟ้าพืชพลังงาน 4.5 เมกะวัตต์ ที่จ.เชียงใหม่ และจ.ขอนแก่น และโรงไฟฟ้าก๊าซฯ จ.สุโขทัย อีก 7 เมกะวัตต์
นายชัชพล กล่าวถึง แผนการลงทุนในธุรกิจปิโตรเลียม ว่า เตรียมขยายการลงทุนในแหล่งปิโตรเลียม L10/43 และ L11/43 จ.สุโขทัย หลังประสบความสำเร็จจากการขุดเจาะล็อตแรกจาก L11/43 ผลิตน้ำมันดิบได้ต่อเนื่อง ซึ่งในปีนี้ มีแผนเปิดหลุม L10/43 เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตจากปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 300 บาร์เรลต่อวัน เป็น 500 บาร์เรลต่อวัน เพื่อขายให้กับบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน)ใช้เงินลงทุน 50 ล้านบาท
ด้านธุรกิจเทรดดิ้ง ซึ่งเป็นการจำหน่ายสายเคมีอุปกรณ์ และเครื่องจักร บริษัทยังเดินหน้าขยายฐานลูกค้าทั้งในกลุ่มอุตสาหกรรมและพลังงาน เชิงรุก ทั้งลูกค้าเดิมและกลุ่มลูค้าใหม่ โดยพัฒนาสินค้าและบริการเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม
อย่างไรก็ตามได้ปรับโครงสร้างรายได้ของของบริษัทในปี 2566 โดยรายได้จากธุรกิจเทรดดิ้ง 65% ส่วนธุรกิจพลังงานเดิมมีสัดส่วนอยู่ 35% แต่หากในปีนี้สามารถเข้าไปลงทุนในโครงการในอินโดนีเซียได้ คาดว่า สัดส่วนรายได้ธุรกิจพลังงาน จะขยับเป็น 50% ทั้งนี้แม้ว่าธุรกิจพลังงานจะมีสัดส่วนรายได้น้อยกว่าธุรกิจเทรดดิ้ง แต่ถ้ามองถึงตัวเลขมาร์จิ้นจะมากกว่า