ไลฟ์สด-เปิดหน้าโชว์ ต้องเป๊ะปัง!! เทรนด์คนเจนฯZ มุ่งทำสวย/หล่อ เดอะคลีนิกค์ ขยับแผนใหญ่ เจาะกลุ่มใหม่

ไลฟ์สด-เปิดหน้าโชว์ ต้องเป๊ะปัง!! เทรนด์คนเจนฯZ มุ่งทำสวย/หล่อ เดอะคลีนิกค์ ขยับแผนใหญ่ เจาะกลุ่มใหม่
เดอะคลีนิกค์ เผยเทรนด์คนรุ่นใหม่หันทำศัลยกรรมเสริมความงามเพิ่มและพร้อมบอกต่อใช้บริการ ‘หมอไหน’ ต่อยอดสู่แคมเปญใหญ่ใช้ ‘Music Marketing’ สื่อสารตลาด รับอนาคตธุรกิจฯ 7.2 หมื่นล.โต 10% ยาวอีก 6 ปี

นายแพทย์อภิรุจ ทองวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บนริหาร เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการคลินิกศัลยกรรมเสริมความงาม THE KLINIQUE เปิดเผยว่าปัจจุบัน เดอะคลีนิกค์ ดำเนินธุรกิจร่วม 16 ปี โดยมีฐานผู้เข้ามารับบริการทั้งชาวไทยและต่างชาติรวมกว่า 3 แสนราย และยังเป็นกลุ่มที่กลับเข้ามารับบริการซ้ำ (Loyalty Customer) อย่างต่อเนื่องและผลักดันให้ เดอะคลินิกค์ เป็นหนึ่งในผู้นำตลาดกลุ่มธุรกิจความงามขนาดใหญ่ในประเทศไทยในปัจจุบัน

อย่างไรก็ตาม จากการเปลี่ยนผ่านของตลาดไปสู่ผู้บริโภคคนรุ่นใหม่ หรือ เจนเนอเรชั่นซี (Z Generation) ทำให้เดอะคลีนิกค์ ได้วางแผนการดำเนินธุรกิจแบบรอบด้านในการทำตลาดเพื่อขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ดังกล่าวเพิ่มขึ้น หลังจากสำรวจพบว่า เทรนด์คนรุ่นใหม่ในปัจจุบันหันมาให้ความสำคัญในการดูแลตัวเองด้วยการทำหัตถการประเภทต่างๆ ทั้งการใช้เทคโนโลยี ทรีตเมนต์ หรือ การทำศัลยกรรม เพื่อความงามส่วนต่างๆของร่างกาย ที่เพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ ข้อมูลศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุธุรกิจศัลยกรรมและเสริมความงามของไทยในปี 2566 คาดมีมูลค่าราว 71,000-72.000 ล้านบาท แบ่งออกเป็นกลุ่มไม่ใช่ศัลยกรรมความงาม (Non-Surgical) 75% และ กลุ่มศัลยกรรมความงาม (Surgical)  25% มีผู้ให้บริการภายใต้แบรนด์คลินิกต่างๆ ราว 4,000 แบรนด์มากกว่า 10,000 สาขากระจายทั่วประเทศไทย โดย SCB EIC คาดการณ์ว่าในช่วงปี 2022-2030 ธุรกิจฯ ดังกล่าวจะเติบโตต่อเนื่องราว 10%  

โดย 3 ปัจจัยหลักสนับสนุน คือ 1. การเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย (Aging Society) 2. ธุรกิจท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism) และ 3. สื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) แพลตฟอร์มต่างๆ ในช่องทางอินเทอร์เน็ต

“การเข้ามาของสื่อโซเชียลแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆอย่าง รีล บนเฟซบุ๊ค  หรือการไลฟ์สดกิจกรรมต่างๆ ของคนรุ่นใหม่ในปัจจุบันที่ต้องเปิดหน้าตาของตัวเองออกสื่อมากขึ้น เป็นหนึ่งในปัจจัยต้องการดูแลใบหน้า รูปร่าง ให้ดูดีขึ้นตามมา” นายแพทย์อภิรุจ กล่าวพร้อมเสริมว่า "ในช่วงที่ผ่านมายังพบเทรนด์ที่น่าสนใจคือกลุ่มคนรุ่นใหม่ดังกล่าวมีความกล้าที่จะบอกกับรอบข้างว่าตัวเองเข้ารับบริการเสริมความงามที่คลินิกใดและพร้อมจะรีวิวในทุกเคสจากบริการหัตการที่ได้รับหรือการศัลยกรรมจากคลินิกนั้นๆ"

ล่าสุด เดอะคลินิกค์ ร่วมกับพันธมิตรดนตรีระดับโลกวอร์นเนอร์ มิวสิค (Warner Music) ใช้กลยุทธ์การทำตลาดผ่านดนตรี (Music Marketing) เป็นครั้งแรกในอุตสาหกรรมธุรกิจศัลยกรรมฯ ในไทย จัดแคมเปญ ‘หมอไหน’ พร้อมทำมิวสิค วิดีโอ (MV) และภาพยนตร์โฆษณา (TVC) ซึ่งได้ น้ำชา-ชีรณัฐ ยูสานนท์ ศิลปินนักร้อง ร่วมร้องเพลงในแคมเปญนี้ เพื่อสื่อสารการตลาดไปยังผู้บริโภคคนรุ่นใหม่ ทั้งในช่องทางสื่อดั้งเดิมและสื่อออนไลน์ในแพลตฟอร์มต่างๆ ซึ่งปัจจุบัน MV เพลงหมอไหน มียอดการรับชมมากกว่า 1 ล้านวิวแล้ว  

นายแพทย์อภิรุจ เสริมว่ากลยุทธ์ดังกล่าว ยังสอดคล้องกับแผนธุรกิจ เดอะคลีนิกค์ ในปี 2568 เตรียมแผนขยายสาขาให้บริการเพิ่มไม่ต่ำกว่า 10-15 แห่ง คาดใช้งบลงทุนเฉลี่ย 30 ล้านบาทต่อสาขา จากในปี 2567 นี้ บริษัทใช้งบลงทุนราว 300 ล้านบาทขยายสาขาใหม่จำนวน 20 แห่ง จากปัจจุบันเปิดให้บริการเดอะคลีนิกค์ รวม 70 แห่ง ทั้งในกรุงเทพฯ และ ต่างจังหวัด ด้วยจำนวนสาขาในสัดส่วนใกล้เคียงกัน เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าตามเทรนด์ดังกล่าวที่เพิ่มขึ้นในตลาดต่างจังหวัดด้วย

นอกจากนี้ เดอะคลีนิกค์ จะยังมุ่งให้บริการหัตการเสริมความงามและศัลยกรรมความงามภายใต้เทคโนโลยีนำเข้าจากต่างประเทศที่ได้การรองรับมาตรฐาน ให้บริการลูกค้าตามเทรนด์ความงามต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อขยายฐานลูกค้าเจนฯซี ด้วย แพคเกจบริการต่าง ๆ ที่ลูกค้ากลุ่มนี้สามารถควบคุมงบประมาณได้ซึ่งในเบื้องต้นพร้อมใช้จ่ายราว 3,000-6,000 บาทต่อใบเสร็จ โดยเดอะคลีนิกค์มีแผนเพิ่มสัดส่วนลูกค้ากลุ่มนี้ให้อยู่ที่ 10-20% ในอนาคต จากปัจจุบันจะเป็นกลุ่มเจนฯเอ็กซ์ และ เจนฯวาย

“หลังการแพร่ะบาดในช่วงที่ผ่านมา พบว่ากลุ่มลูกค้าที่เข้ามารับบริการมีอายุน้อยลงเรื่อยๆ" นายแพทย์อภิรุจ กล่าว

ปัจจุบัน ผู้ใช้บริการเดอะคลีนิกค์ 3 แสนราย แบ่งสัดส่วน 70% เป็นกลุ่มระดับพรีเมี่ยมมีความถี่เข้ามารับบริการต่อเนื่องและพร้อมจับจ่ายต่อโปรแกรมเฉลี่ย 12,000-15,000 ต่อบิล แบ่งเป็นลูกค้าชาวไทยสัดส่วน 85% และ ต่างชาติมาจากกลุ่มประเทศ CLMV จีน และเอเชียราว 15% ซึ่งจากนี้ไป บริษัทฯ มีแผนปรับสัดส่วนลูกค้าต่างชาติเพิ่มเป็น 20-25% ด้วยเป็นกลุ่มลูกค้าที่พร้อมใช้บริการหัตถการโปรแกรมอื่นต่อเนื่อง

ขณะที่ กลุ่มศัลยกรรมความงามที่เข้ามารับบริการในเดอะคลีนิกค์ 6 อันดับแรก คือ จมูก 46%, ตา43% , ใบหน้า เช่น คาง กราม 26%, ดูดไขมัน 24% หน้าอก 13% และ ร่างกาย เช่น หน้าท้อง ก้น 9%

จากการดำเนินธุรกิจเดอะคลินิกค์ ปัจจุบันมีอัตราการเติบโตมากกว่าตลาดรวมราว 30% หรือ 3 เท่าตัว โดยในปี2567 คาดมีผลดำเนินงานราว 2,900-3,000 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 10%

 

 

TAGS: #เดอะคลีนิกค์ #ธุรกิจความงาม #ศัลยกรรม