‘วอนท์ วอนท์’ ยักษ์ขนม-เครื่องดืมไต้หวัน ที่เข้ามาไทยตั้งแต่ 5 ปีก่อน ถึงตอนนี้บอกพร้อมมากต่อการร่วมวงชิงส่วนแบ่งตลาดในแต่ละเซ็กเมนต์ โดยใช้ ‘ความสนุกของรสชาติ’ สินค้า พาสู่ผู้นำตลาดใน 3-5 ปี
นฤวรรณ์ ปูควนัช ผู้บริหารฝ่ายการตลาดและบริหารงานลูกค้าประจำประเทศไทย บริษัท วอนท์ วอนท์ คอร์ปอเรชั่น (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้ทำตลาดขนมขบเคี้ยวและเครื่องดื่มแบรนด์ ‘วอนท์ วอนท์’ เล่าถึงจุดเริ่มต้นแบรนด์ซึ่งมาจากประเทศไต้หวันและไเข้ามาอยู่ในไทยตั้งแต่ ปี 2562 ที่ผ่านมา เพื่อนำเสนอสินค้าขนมขบเคี้ยวและเครื่องดื่มคุณภาพสูงน่ารับประทานประเภทต่างๆ อย่าง QQ Gummies และ Roll-Mi มาแนะนำสู่ผู้บริโภคชาวไทย
ด้วย วอนท์ วอนท์ มองว่าตลาดขนมในประเทศไทยมีชีวิตชีวาและมีศักยภาพเติบโตสูง ตามวิถีชีวิตและความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลาย
นฤวรรณ์ กล่าวว่า “ผู้คนจำนวนมากมองหาขนมที่มีนวัตกรรมและคุณภาพสูง ขณะที่ผู้บริโภคชาวไทยให้การเปิดรับทั้งรสชาติและประสบการณ์ใหม่ ๆ สูง ที่วอนท์ วอน์ มองเห็นโอกาสการเติบโตในตลาด” พร้อมเสริมว่า “จะนำประสบการณ์หลายสิบปีในไต้หวันและจีนแผ่นดินใหญ่ ที่ประสบความสำเร็จมาต่อยอดสู่การสร้างความแข็งแกร่งในตลาดไทย เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคทั้งในด้านรสชาติและคุณภาพ”
พร้อมกล่าวอีกว่า แม้ วอนท์ วอนท์ จะเป็นรายใหม่จากต่างประเทศที่เข้ามาในตลาดสแน็กในไทยที่มีผู้เล่นจำนวนหลากหลายอยู่ก่อนหน้า ซึ่ง วอนท์ วอนท์ กลับมองว่า “ผู้นำตลาดเป็นแรงบันดาลใจมากกว่าคู่แข่งที่ต้องกลัว” ด้วยความสำเร็จของผู้เล่นดังกล่าวได้พิสูจน์ให้เห็นว่า ‘ตลาดในไทยยังมีความต้องการขนมขบเคี้ยวสูง’
สอดคล้องกับเป้าหมายวอนท์ วอนท์ ที่ต้องการนำเสนอสิ่งที่สดใหม่และไม่เหมือนใคร ทั้งรสชาติ เนื้อสัมผัส และบรรจุภัณฑ์ที่โดนใจผู้บริโภค ในปัจจุบัน
“ความแตกต่างของผลิตภัณฑ์ดังกล่าว จะทำให้วอนท์ วอนท์ สามารถสร้างฐานลูกค้าที่ภักดีของเราเอง และการแข่งขันผลักดันให้เกิดการพัฒนาต่อไป” นฤวรรณ์ กล่าว
สำหรับ ผลิตภัณฑ์ที่ถือเป็นกลุ่มสินค้าเรือธงของ วอนท์ วอนท์ ได้แก่
- โรล-มี (Roll-Mi)
- คิวคิว กัมมี่ (QQ Gummies)
- ผลิตภัณฑ์นมยูเอชที ตรา ว้อนท์ ว้อนท์* (UHT Milk Product – WANT WANT Brand)
โดยในปี 2567 วอนท์ วอนท์ ได้วางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในตลาดเมืองไทยรวม 5 กลุ่ม ประกอบด้วย คิวคิว กัมมี่ (QQ Gummies), คิวคิว กัมมี่ จูซซี่ พลัส (QQ Gummies Juicy Plus), โรลลี่ (Rollie), ไอศกรีมเกล็ดน้ำแข็ง (Frozen) และล่าสุด โรล-มี (Roll-Mi) พร้อมวางแผนนำเข้าผลิตภัณฑ์อื่นๆ มาทำตลาดเพิ่ม ในอนาคต
ศึกษาตลาด-ตั้งโรงงานในไทย
นฤวรรณ์ กล่าวต่อถึงแผนการดำเนินธุรกิจในไทยว่า ต้องย้อนกลับไปก่อนช่วงแพร่ระบาดโควิด-2019 วอนท์ วอนท์ ได้เข้ามาสำรวจประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึง เวียดนาม ไทย และอินโดนีเซีย โดยประธาน (Tsai Eng-meng/ไช่ เหยี่ยนหมิ) วอนท์ วอนท์ คนปัจจุบันได้กล่าวไว้ว่า ‘ที่ใดมีคน ที่นั่นมีตลาด’ ถือเป็นหลักคิดให้จัดตั้งบริษัทในเครือในทั้งสามประเทศนี้ และได้ก่อตั้งโรงงานในเวียดนาม
“ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่นำเข้าจากจีนและเวียดนาม แต่ขณะนี้อยู่ระหว่างประเมินแผนการตั้งโรงงานในไทยอย่างรอบคอบ ด้วยหวังว่าในอนาคตจะสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในประเทศไทยให้กับทุกคน” นฤวรรณ์ กล่าว
โรล-มี ราคา 5 บาท ชิงตลาดข้าวอบกรอบ
นฤวรรณ์ กล่าวถึงแผนการทำตลาด ‘วอนท์ วอนท์’ ได้เปิดสินค้าใหม่ล่าสุดข้าวอบกรอบ ‘โรล-มี’ (Roll-Mi) เข้ามาทำตลาด ด้วยจุดเด่นทั้งรูปแบบด้วยส่วนประกอบหลักที่ทำจากข้าว และรสชาติที่หลากหลาย เช่น รสไข่เค็ม สาหร่ายและชีส ด้วยคอนเซ็ปต์ ‘ข้าวอบ อร่อยครบไม่ต้องทอด’ ที่แตกต่างไปจากผู้เล่นเดิมในตลาดส่วนใหญ่มักเป็นข้าวโพด
ซึ่ง Roll-Mi จะสามารถดึงดูดกลุ่มลูกค้าเหล่านี้และผู้บริโภคต้องการของว่างที่มีประโยชน์และเป็นมิตรต่อสุขภาพ
ขณะที่ กลุ่มเป้าหมายหลักของโรล-มี คือ นักเรียน รองลงมาคือพนักงานออฟฟิศ กลุ่มคนที่มองหาของว่างใหม่ ๆ รวมถึงนักท่องเที่ยว และผู้สนใจขนมที่มีรสชาติแปลกใหม่
พร้อมกำหนดราคาจำหน่ายสินค้าโรล-มี อยู่ที่ 5 บาท เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายผู้บริโภคได้ง่าย และทำให้โรล-มี สามารถแข่งขันในตลาดได้และเจาะกลุ่มลูกค้าที่ต้องการของว่างคุณภาพในราคาย่อมเยา ได้อีกด้วย
นฤวรรณ์ เสริมว่า สำหรับการทำตลาดโรล-มี จะวางจำหน่ายทั้งในช่องทางขายปลีกแบบดั้งเดิม (General Trade) และการค้าขายปลีกสมัยใหม่ (Modern Trade) ทั้งในซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ และร้านค้าปลีกที่คล้ายคลึงกัน พร้อมร่วมมือกับตัวแทนจำหน่ายครอบคลุมในแต่ละจังหวัด เพื่อขยายการทำตลาดในวงกว้างขึ้นและผลักดันให้ผู้บริโภคสามารถซื้อผลิตภัณฑ์ในสถานที่ต่างๆได
ขณะเดียวกัน วอนท์ วอนท์ ยังให้ความสำคัญในการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายแบบโต้ ตอบผ่านการตลาดโซเชียลมีเดีย พร้อมวางแผนการทำงานร่วมกับเคโอแอล (KOL) อินฟลูเอนเซอร์และคอนเทนต์ ครีเอเตอร์ ในการทำตลาดผ่านการสื่อสารดิจิทัลคอนเทนต์ไปยังกลุ่มผู้บริโภคอายุน้อย และจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อสร้างความผู้กพันธ์ระหว่างแบรนด์สินค้าและกลุ่มเป้าหมาย ไปพร้อมกันด้วย
ทั้งนี้จากทิศทางการทำตลาดโรล-มี บริษัทฯ วางเป้าหมายหลักในเบื้องต้น เพื่อแนะนำผลิตภัณฑ์ไปยังกลุ่มนักเรียนทั่วประเทศไทย มีโอกาสทดลองชิมสินค้า Roll-Mi ได้ในระยะเวลาอันสั้น โดยในส่วนยอดขายได้กำหนดขึ้นเพื่อให้ตัวแทนจำหน่ายมีโอกาสทำกำไรได้ พร้อมวางเป้าหมายก้าวขึ้นเป็นผู้นำตลาดภายใน 3 ถึง 5 ปี
โดยสอดคล้องกับหลักคิดของประธานวอนท์ วอนท์ ได้กล่าวไว้ว่า ‘คุณรุ่งเรือง ฉันรุ่งเรือง เราทุกคนรุ่งเรือง’ ด้วยเมื่อผู้จัดจำหน่ายมีโอกาสทำเงินได้ เป้าหมายยอดขายของวอนท์ วอนท์ จึงจะมีความหมายอย่างแท้จริง!!
ขณะที่ตลาดขนมขบเคี้ยวในปี 2566 คาดมีมูลค่าสูงถึง 40,000 ล้านบาท โดยผลิตภัณฑ์ขนมที่ทำจากข้าวอยู่ในอันดับที่ 5 ด้วยมูลค่า 2,127 ล้านบาท