แบรนด์ไทย ‘Kindness’ส่ง 4 กลุ่มหลักสินค้ารับกระแสความงามใส่ใจสิ่งแวดล้อม-ปลอดภัยมาแรง เจาะตลาดสกินแคร์ผิวหน้าในไทย 1.7 หมื่นล.บาท โตไม่แผ่ว โฟกัสกลุ่มเป้าหมาย ‘ชาวผิวแพ้ง่าย’
ดาราพร ศิริเกียรติสูง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไคนด์เนส เวลเนส จำกัด และผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์ Kindness กล่าว แบรนด์ Kindness มีจุดเริ่มต้นจากความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้า (Skincare) ให้ความอ่อนโยนปกป้องผิวบอบบางแพ้ง่าย โดยใช้ระยะเวลาวิจัยและพัฒนา (R&D) นานร่วม 8 ปี จนได้ผลิตภัณฑ์สกินแคร์เข้ามารองรับทุกความต้องการผิวพรรณได้อย่างครอบคลุม เพื่อทำตลาด
โดยปัจจุบัน Kindness ประกอบด้วยสินค้า 4 กลุ่มหลัก ครอบคลุมทุกสภาพผิว และปัญหาผิวแพ้ง่าย ได้แก่
- ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเพิ่มความชุ่มชื้น (Happy Glow)
- ผลิตภัณฑ์กันแดด (Freedom)
- ผลิตภัณฑ์ปรับผิวกระจ่างใส ลดรอยสิวและจุดด่างดำ (Bright Side)
- ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า-ล้างเครื่องสำอาง (Easy Peasy)
“แบรนด์ Kindness ยังเกิดขึ้นจากผู้ใช้งานที่เคยประสบปัญหาจริง และพบว่าแก้ไขปัญหาผิวแพ้ง่ายได้จริง โดยก่อนตัดสินใจสร้างเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อการตลาดเต็มตัว ทั้งตัวเองและผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์ ได้ใช้ผลิตภัณฑ์จริงในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว” ดาราพร ย้ำจุดแข็งแบรนด์ผลิตภัณฑ์ พร้อมกล่าวอีกว่า
สำหรับผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ Kindness ยังวางแนวคิดใส่ใจและเป็นมิตรทั้งกับผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม รวมทั้งการส่งต่อสิ่งดีสู่สังคม ประกอบด้วย
- Kind to skin โดยเน้นสารสกัดจากธรรมชาติเป็นส่วนประกอบ ไม่มีสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อผิว ไม่ก่อให้เกิดการแพ้และระคายเคือง เหมาะสําหรับผิวแพ้ง่าย
- Kind to Environment ไม่ใช้การทดลองหรือการทรมานสัตว์ และใช้บรรจุภัณฑ์ซึ่งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
- Kind to people โดยทุกๆ การขายผลิตภัณฑ์ Kindness ส่วนหนึ่งจากรายได้จะนําไปช่วยเหลือผู้ขาดแคลนน้ำดื่มสะอาด เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่ขาดแคลน
ขณะเดียวกัน ผลิตภัณฑ์ Kindness ยังสอดคล้องกับกระแสความนิยมเครื่องสำอางคลีน บิวตี้ ที่ได้รับการยอมรับจากคนทั่วโลก ถือเป็นโอกาสดีหากผู้ประกอบการไทยได้เริ่มพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อตอบรับกระแสความต้องการที่กำลังเติบโต เนื่องจากไทยเป็นฐานการผลิตเครื่องสำอางที่สำคัญของทั้งแบรนด์ไทยและแบรนด์ต่างประเทศ รวมถึงเป็นผู้ส่งออกเครื่องสำอาง อันดับที่ 2 ของอาเซียน (รองจากสิงคโปร์) และอันดับที่ 17 ของโลก
ด้าน วรดล ศิริเกียรติสูง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไคนด์เนส เวลเนส จำกัด และผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์ Kindness กล่าวว่า ปัจจุบันผู้บริโภคในประเทศไทย เริ่มให้ความสำคัญกับการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกายและผิวพรรณที่ปราศจากสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อผิว เน้นการใช้ส่วนผสมที่มาจากธรรมชาติหรือออร์แกนิก ปลอดภัย และเป็นธรรมชาติ และไม่ทดลองกับสัตว์ cruelty-free (Clean Beauty Product) มากขึ้น
ทั้งนี้เพื่อรองรับ รองรับเทรนด์ Clean Beauty ตอบโจทย์ผู้บริโภคที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรและอ่อนโยนต่อสุขภาพผิวหน้า โดยเฉพาะกลุ่มที่มีปัญหาผิวบอบบาง และแพ้ง่าย ล่าสุดบริษัทฯ ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์กันแดดแบรนด์ Kindness Freedom. Live Free. 3 สูตรใหม่ ประสิทธิภาพกันแดด SPF 50+ PA++++ ประสิทธิภาพกันแดดแบบ Hybrid ช่วยสะท้อนรังสี UV ปกป้องครบทั้ง UVA-I, UVA-II และ UVB ด้วย Broad Spectrum และยังช่วยป้องกันผิวจากแสงสีฟ้า (Blue Light) ด้วยคุณเนื้อเบาซึมไว สบายผิว ใช้ได้ทุกสภาพผิว ประกอบด้วย
- หลอดสีฟ้า สำหรับสายลุย สูตร Sensitive Airlight Total Protect (เซนซิทีฟ แอร์ไลท์ โททอล โพรเทค) เนื้อน้ำนม บางเบา กันน้ำได้สูงสุด 80 นาที เกลี่ยง่าย ซึมไว ให้ผิวนุ่มลื่นสบาย ไร้สี ไม่วอก ไม่เป็นคราบ ไม่เหนอะหนะ
- หลอดสีขาว ของสายรีบ สูตร Advanced Invisible Water Fresh (แอดวานซ์ อินวิซิเบิล วอเทอร์ เฟรช) เนื้อครีมบางเบาที่สุด ซึมไวใน 3 วิ คุมมัน สบายผิว ปลอบปะโลมผิวบอบบางแพ้ง่ายและเป็นสิวง่าย
- หลอดสีชมพู ของสายเป๊ะ สูตร Beauty Bright Up Protect (บิวตี้ ไบรท์อัพ โพรเทค) เนื้อมูสปรับผิวให้เนียนไบรท์ในทันที สัมผัสนุ่มละมุน ปกปิดริ้วรอยและจุดด่างดำ ปรับผิวกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ
สำหรับแนวทางการทำตลาด บริษัทฯ มุ่งสร้างการรับรู้แบรนด์ (Brand Awareness ทางแบรนด์) ในช่องทางโซเชียล ทั้งในแพลตฟอร์ม Tiktok, และ IG และ Facebook เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์ Brand Ambassadors 3 ไลฟ์สไตล์ 3 สาว ยูทูบเบอร์ผู้นำเสนอคอนเทนต์พลังบวก จากรายการ “ไหนเล่าซิ๊” ได้แก่ เนะ อโณทัย ยิปซี คีรติ และ ปาย สิตางศุ์ มาร่วมสื่อสารแบรนด์ผ่านทุกไลฟ์สไตล์ การใช้ชีวิตอย่างอิสระ ในทุกสถานการณ์แดด ทั้ง สายรีบ สายลุย และ สายเป๊ะ
ขณะที่ช่องทางการจำหน่ายจะควบคู่ทั้งแบบหน้าร้าน และออนไลน์ โดยปัจจุบันได้กระจายผลิตภัณฑ์ในร้านค้าปลีกพิเศษความงาม (Retail Specialty Store) อีฟแอนด์บอย (Eveandboy) ซึ่งเปิดตัวล่าสุดที่สาขา Siam Square One ชั้น LG the Underground Siam Square One รวมถึงในช่องทางการขายออนไลน์ผ่านเว็บไซต์
ทั้งนี้หลังเปิดตัวและทำตลาดผลิตภัณฑ์แบรนด์ Kindness บริษัทวางเป้าหมายใน ปี 2568 คาดจะมียอดขายเติบโฌตต่อเนื่องถึง 300 ล้านบาท พร้อมขยายฐานลูกค้าต่างประเทศทั้งประเทศเพื่อนบ้านและประเทศจีน
“คาดหวังให้แบรนด์ Kindness เป็นหนึ่งในแบรนด์ สกินแคร์ ชั้นนำที่คนไทยมั่นใจ ฐานะแบรนด์ไทยที่มีประสบการณ์มายาวนาน และใช้นวัตกรรม Clean Beauty ด้วยจุดเด่นทั้ง 3 Kind เพื่อสร้างความยั่งยืน และมีความแตกต่างในตลาดที่ยังมีโอกาสอีกมาก” วรดล กล่าว
โดยข้อมูลการตลาดระดับโลกจากบริษัท Statista ก็เป็นไปในทิศทางเดียวกันว่า นับตั้งแต่ปี 2563 ตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าในประเทศไทยเติบโตต่อเนื่อง โดยตัวเลขปี 2567 คาดว่าจะมีมูลค่าตลาดรวมกว่า 17,000 ล้านบาท (540 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) และยังเห็นแนวโน้มอัตราเติบโตต่อปีไม่ต่ำกว่า 4% ในช่วง 5 ปีข้างหน้า
ขณะที่ภาพรวมของธุรกิจเครื่องสำอางในประเทศไทยเติบโตอย่างน่าสนใจ โดยมีตัวเลขคาดการณ์ของสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า ในปี 2567 โตเพิ่มขึ้น 10.4% จากปีก่อนหน้า สำหรับประเภทเครื่องสำอางที่ครองตลาดในไทยอันดับ 1 คือ ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว (Skincare) มีส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 46.8% ซึ่งสัดส่วนมากกว่า 80% เป็นผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้า