จากแนวคิดของ ‘คิคุโอะ อิเบะ’ บิดาแห่ง G-SHOCK วางหลักคิดพัฒนาโครงสร้างนาฬิกาที่ทนต่อแรงกระแทก จากต้นแบบกว่า 200 ชิ้น กระทั่งในปี 1983 G-SHOCKรุ่นแรกได้เปิดตัว และวิ่งผ่านห้วงเวลาถึงในปัจจุบันร่วม 40ปี
พร้อมกับที่ G-SHOCK นาฬิกาข้อมือรุ่นดังระดับโลกภายใต้บริษัทคาสิโอ คอมพิวเตอร์ ประเทศญี่ปุ่น ได้ถูกนำเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย โดยบริษัทเซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป หรือ ซีเอ็มจี (CMG) บริษัทในเครือเซ็นทรัล รีเทล คอร์ปเปอร์เรชั่น จำกัด (มหาชน) (CRC) มานานร่วม 3ทศวรรษ พร้อมจำหน่ายนาฬิกาคาสิโอ ไปแล้วกว่า 10 ล้านเรือน และ G-SHOCK กว่า 5 ล้านเรือน ในไทย และได้ฉลองอายุครบ 4 ทศวรรษไปเมื่อปี 2566 ที่ผ่านมา
ล่าสุด G-SHOCK ประกาศเปิดตัว รุ่นไอคอนิก G-STEEL GM-2110D Metal Series มาทำตลาดในประเทศไทย พร้อมแคมเปญ ‘TOUGH LIKE YOU’ และเปิดตัว ‘ซุปเปอร์บอน สิงห์มาวิน’ ในฐานะแบรนด์แอมบาสเดอร์คนใหม่ของนาฬิกา G-SHOCK มาร่วมสื่อสารการตลาดร่วมกับผู้บริโภคชาวไทยโดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ พร้อมตอกย้ำแบรนด์ G-SHOCK นาฬิกาที่มีความแข็งแกร่ง ทนทาน ตามคอนเซปต์แคมเปญที่วางไว้
จิตรฤดี พนิตพล Head of Fashion and Watch Category บริษัทเซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป กล่าวว่าบริษัทฯ เตรียมใช้งบประมาณกว่า 20 ล้านบาท ในการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาด G-SKOCK ผ่านแคมเปญฯ ดังกล่าวนับจากนี้ไปจนถึงในปี 2568 โดยจะใช้แนวคิดการทำตลาดผ่านกีฬา ’Sport’ ซึ่งเป็นหนึ่งใน 4 แกนหลักของการทำตลาดในปีนี้ (ประกอบด้วย แฟชั่น (Fashion) ศิลปะ (Art) ดนตรี (Music) ศิลปะ และกีฬา (Sport)) มาใช้ร่วมกับการทำตลาดแบรนด์
ทั้งนี้ บริษัทฯยังได้นำ G-SHOCK ไปทำตลาดร่วม (Collaborative Marketing) กับพันธมิตรรายใหม่ One Championship โดยในเบื้องต้นเปิดตัว ‘ซุปเปอร์บอน สิงห์มาวิน’ นักมวยชื่อดังระดับโลกมาร่วมงานในฐานะแบรนด์แอมบาสเดอร์ เพื่อตอกย้ำความแข็งแกร่งของนาฬิกา
จิตรฤดี กล่าวว่า “G-SHOCK เลือกใช้กีฬามวยมาสื่อสารการทำตลาดในครั้งนี้ ยังสอดคล้องกับกระแสคนรุ่นใหม่ทั้งกลุ่มผู้ชายและผู้หญิง ที่ชื่นชอบกีฬามวยเป็นจำนวนมากขึ้นทั้งการรับชมและเล่นเป็นกีฬาที่ขยายความนิยมสูงขึ้นตลอดช่วงที่ผ่านมา ซึ่งถือมองว่ากลุ่มคนรักกีฬาเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง” พร้อมเสริมว่า
สำหรับ G-SHOCK รุ่นไอคอนิก (GM-2110D Metal Series) ยังวางตำแหน่งให้เป็นหนึ่งในแฟล็กชิปของแบรนด์ เพื่อขยายฐานแฟน G-SHOCK ได้มากขึ้นผ่านกีฬามวยที่ได้ร่วมกับวันฯ ในกิจกรรมต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นตามมาในอนาคต เพื่อสะท้อนถึงความแข็งแกร่งของรุ่นดังกล่าว ภายใต้การออกแบบคลาสสิคด้วยใช้เหล็ก (Steal) มาประกอบขึ้นเป็นตัวเรือนและสายนาฬิกา ทำให้มีความโดดเด่นและแตกต่างๆ ไปจาก G-SHOCK ในรุ่นที่ผ่านมาทำจากตัวเรือนเซรามิกและสายพลาสติก วางระดับราคาเฉลี่ยต่อเรือน 5,000-7,000 บาทในบางรุ่นยอดนิยม
“เทรนด์นาฬิกาในขณะนี้ ผู้คนเริ่มหันมานิยมใส่นาฬิกาแนวย้อนยุคหรือเรโทรมีความคลาสสิค และนำมาใช้เป็นส่วนหนึ่งของเครื่องประดับในการแต่งตัวตามแฟชั่น และด้วยนวัตกรรมและดีไซน์ของ G-SHOCK ยังตอบโจทย์แนวคิดด้าน Technology & Appearance ในการทำตลาดของบริษัทฯด้วย” จิตรฤดี กล่าว
สำหรับสินค้า GM-2110D Metal Series ได้เปิดตัวพร้อมทำตลาดในไทย 5 สี วางราคาจำหน่าย 10,900 บาท ทำตลาดในช่องทางออนไลน์ และ ออฟไลน์ ผ่านหน้าร้านทั้งในศูนย์การค้าและตัวแทนจำหน่ายรายใหญ่กว่า 200 รายทั่วประเทศ
ทั้งนี้ G-SHOCK ถือเป็นหนึ่งในห้า (Top 5) ที่มีอัตราการเติบโตรายได้สูงของแบรนด์สินค้าแฟชั่นในกลุ่มบริษัท CMG ที่มีกว่า 30 แบรนด์ ขณะเดียวกันไทยยังเป็นตลาดที่มีความสำคัญเป็นอันดับ1 ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ของแบรนด์ G-SHOCK ประเทศญี่ปุ่นด้วย
โดยข้อมูลจาก ยูโร มอนิเตอร์ บริษัทวิจัยการตลาดระบุ ภาพรวมตลาดนาฬิกาแบบดั้งเดิมและแบบเชื่อมต่อเทคโนโลยี (Traditional & Connected Watches) ในปี 2566 ที่ผ่านมามีมูลค่าราว 23,185 ล้านบาท (มูลค่าค้าปลีก)