ลีโอ โกลบอลฯ เปิด ‘LEO COLDBOTIC’ นวัตกรรมการจัดเก็บไวน์อัจฉริยะรายแรกในไทย รับอุตสากรรมตลาดไวน์ในขยายตัว ตามเทรนด์คนรุ่นใหม่ทั้งสายดื่ม-สายลงทุน หนุนปี67 ทำตลาดขาขึ้น
เกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) (LEO) ผู้ดำเนินธุรกิจบริการจัดการคลังสินค้า/ศูนย์กระจายสินค้า (Warehouse / Distribution Center) เปิดเผยว่าบริษัทฯ ต่อยอดธุรกิจไม่ใช่การขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ (Non-Freight) และ ไม่ใช่การขนส่งกระจายสินค้า (Non-Logistic) โดยใช้งบลงทุน 160 ล้านบาท เปิดตัว ‘LEO COLDBOTIC’ การให้บริการคลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้า (Warehouse / Logistics Center) แบบครบวงจร
โดยศูนย์ฯ นำระบบควบคุมอุณหภูมิอัจฉริยะด้วยคอมพิวเตอร์ และใช้หุ่นยนต์ทำงานแทนมนุษย์ด้วยระบบ 4-Ways Shuttle Automatic เพื่อใช้จัดเก็บสินค้าประเภท Wine & Spirit ด้วยเทคโนโลยีทันสมัย ควบคุมอุณหภูมิและความชื้นที่เหมาะสมได้อย่างแม่นยำ พร้อมรักษาคุณภาพไวน์ภายใต้มาตรฐานระดับโลกในการจัดเก็บสินค้าประเภทไวน์ระหว่างช่วงอุณหภูมิตั้งแต่ 15-18 องศาเซลเซียสได้ถึง 1.2 ล้านขวด เป็นรายแรกของประเทศไทย
“การใช้ระบบออโตเมชั่นและโรบ็อท ช่วยให้การจัดเก็บสินค้าในคลังมีประสิทธิภาพและความปลอดภัยสำหรับไวน์ที่มีมูลค่าสูง สามารถให้บริการอย่างรวดเร็วและมีความแม่นยำ สนองตอบความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังตอบโจทย์การจัดหาบุคลากรในระดับแรงงานหายากขึ้นในทุกวัน” เกตติวิทย์ กล่าวพร้อมเสริมว่า
สำหรับจุดเด่น ‘LEO COLDBOTIC’ คือ ทำเลตั้งอยู่ในบริเวณท่าเรือสหไทย จังหวัดสมุทรปราการ โดยสามารถนำเสนอบริการโลจิสติกส์ได้อย่างครบวงจรในลักษณะ End-to-End Global Logistics สามารถรับสินค้าจาก Wineyard ของผู้ผลิตจากต่างประเทศมายังประเทศไทยและเป็นคลังสินค้าที่ได้รับการอนุมัติจากทางกรมศุลกากรให้เป็นคลังสินค้าทัณฑ์บน (Bonded Warehouse) ซึ่งลูกค้าที่มาใช้บริการสามารถได้รับสิทธิประโยชน์ในเรื่องภาษีนำเข้าและสรรพาสามิตของการใช้คลังสินค้าทัณฑ์บนทุกประการ
นอกจากนี้ยังเป็น Bonded Cold Chain Logistics Center สำหรับไวน์ ที่ตั้งอยู่ใกล้ศูนย์กลางธุรกิจและการค้าของกรุงเทพมหานครมากที่สุด โดย LEO COLDBOTIC ได้รับสิทธิประโยชน์ BOI ประเภทกิจการศูนย์กระจายสินค้าด้วยระบบที่ทันสมัย (Distribution Center: DC)
โดยสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าที่มาจัดเก็บไวน์ที่ ‘LEO COLDBOTIC’ และ ‘LEO WINE STORAGE’ สามารถใช้บริการห้อง Wine Tasting พื้นที่นำเสนอและชิมไวน์ในบรรยากาศหรูหรา รวมถึงมีห้องประชุมสำหรับจัดกิจกรรมพูดคุยเรื่องธุรกิจเพิ่มเติมด้วย เหมาะสำหรับลูกค้าในกลุ่มผู้นำเข้าไวน์ ธุรกิจซูเปอร์มาร์เก็ต โรงแรม ร้านอาหาร และไวน์เลิฟเวอร์
อุตสาหกรรมไวน์ ขาขึ้น
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังจัดงาน ‘THE WINE JOURNEY OF TOMORROW เส้นทางไวน์สู่ความเป็นเลิศ เปิดประสบการณ์ใหม่แห่งการจัดเก็บ’ พร้อมผู้เชี่ยวชาญด้านไวน์ในแต่ละด้านเป็นวิทยากร เพื่อให้ความรู้ในด้านต่างๆ ในช่วง CEO Talk: Why LEO COLDBOTIC & LEO WINE STORAGE? From Feature to Benefits โ
‘ไพรัช อินทะพุฒ’ ผู้ก่อตั้งและนายกสมาคมซอมเมอร์ลิเย่แห่งประเทศไทย ในฐานะตัวแทนผู้เชี่ยวชาญด้านไวน์ระดับประเทศ กล่าวว่าในปีนี้ ถือเป็นในฐานะปีที่เป็นขาขึ้นของอุตสาหกรรมไวน์ แต่ถ้าจะยกระดับโอกาสในครั้งนี้ไปยิ่งกว่าเดิม การเก็บรักษาและการมองไวน์ในฐานะ ‘สิ่งมีชีวิต’ ก็ถือเป็นกระบวนการที่สำคัญยิ่ง โดยเฉพาะการจัดเก็บไวน์อย่างสมดุลเพื่อเอื้อต่อการเจริญไวน์และหลีกเลี่ยงต่ออันตรายทั้ง 5 ที่จะทำให้คุณภาพของไวน์เสื่อมถอย ตั้งแต่แสง อุณหภูมิ การสั่นสะเทือน กลิ่น และความชื้น ดังนั้นการจัดเก็บไวน์แบบมีคุณภาพและห่างจากภัยเหล่านี้ได้ ไวน์ในขวดก็จะเติบโตไปอย่างมีคุณภาพและไม่เสื่อมสภาพเร็วกว่าที่ควรจะเป็น
คนรุ่นใหม่ หนุนตลาดไวน์คึกคัก
ด้าน กัปตันแหลม – นภสูร ชยันตรดิลก กล่าวว่า ในด้านการลงทุนและตลาดของไวน์ในไทย ในปัจจุบันมีความคึกคัก จากแนวโน้มคนรุ่นใหม่เริ่มหันมาดื่มไวน์มากขึ้น ซึ่งเป็นทั้งประโยชน์และโอกาสต่อตลาดของไวน์และผู้ประกอบการเองด้วย และเมื่อพูดถึงการลงทุนในไวน์ (Wine Investment) หากมีการจัดเก็บไวน์ในโกดังที่มีทำเลที่เหมาะสมและได้เปรียบในเชิงเก็บรักษา ยังนำไปสู่ความเชื่อใจในการลงทุนมากกว่าเดิม โดยเฉพาะการลงทุนในไวน์ที่มีราคาสูง ที่ตามมาด้วยความละเอียดอ่อนที่ต้องใส่ใจไม่น้อย โดยมี 3 เทคนิคการลงทุนในไวน์ ประกอบด้วย ไวน์กิน ไวน์เก็บ และไวน์บูชา ซึ่งทั้งไวน์เหล่านั้นก็ล้วนอาศัยการจัดเก็บที่มีคุณภาพ
ด้าน ‘วงศ์สถิตย์ แก้วนาค’ กล่าวในทิศทางเดียวกันว่าตลาดไวน์กำลังดำเนินไปในทางที่ดีขึ้น ซึ่งเป็นโอกาสให้กับผู้ประกอบการไวน์ โดยเฉพาะในแง่ของการนำเข้าไวน์จากประเทศอื่น ๆ ที่มักไม่ถูกนำเข้ามาในประเทศมากนัก แต่สิ่งที่สำคัญมากกว่านั้นคือฟังก์ชั่นในการเก็บไวน์ที่เป็นปัจจัยที่สำคัญเป็นอย่างมากในการยกระดับคุณภาพของร้านอาหาร อีกทั้งยังเป็นประโยชน์ต่อกลไกดำเนินธุรกิจหลังบ้าน โดยเฉพาะในการรักษาคุณภาพและการประหยัดต้นทุน พร้อมรักษาคุณภาพผลิตภัณฑ์