ผลประกอบการของธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันมีแนวโน้มลดลงในปี 2567 ก่อนที่จะปรับดีขึ้นในช่วงปี 2568-69
Krungthai COMPASS ประเมินว่า ผลประกอบการของธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันมีแนวโน้มลดลงในปี 2567 ก่อนที่จะปรับดีขึ้นในช่วงปี 2568-69 โดยปัจจัยหนุนจาก 1) ความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูปในประเทศคาดว่าจะเติบโตเฉลี่ยปีละ 2.8%CAGR ในช่วงปี 2566-69 ตามการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวและภาคอุตสาหกรรม 2) ค่าการกลั่นน้ำมันของไทยคาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 5.0 USD/บาร์เรลในปี 2567 เป็น 5.5 USD/บาร์เรล ในปี 2569 ซึ่งได้รับอานิสงส์จากการปิดโรงกลั่นน้ำมันจำนวนมากในยุโรป
ในระยะยาว (ปี 2570-78) ความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูปในไทยคาดว่าจะเพิ่มขึ้นจนถึงปี 2573 ก่อนที่ลดลงเฉลี่ยปีละ 0.6%CAGR ในช่วงปี 2573-78 เนื่องจากผู้บริโภคมีแนวโน้มที่จะใช้รถยนต์ไฟฟ้าประเภท BEV มากขึ้น เพื่อทดแทนการใช้รถยนต์สันดาป รวมถึงปัจจัยบั่นทอนเพิ่มเติมจากภาครัฐที่มี
แนวโน้มจะออกกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมให้เข้มข้นมากขึ้น รวมทั้งสนับสนุนการใช้เชื้อเพลิงชีวภาพ เพื่อสนับสนุนเป้าหมาย Carbon Neutrality ของไทย ซึ่งส่งผลกระทบเชิงลบต่อธุรกิจนี้ แต่ความต้องการน้ำมันสำเร็จรูปบางประเภท เช่น Jet Fuel มีโอกาสเติบโต ตามความต้องการเดินทางทางอากาศที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น
ในระยะยาว Krungthai COMPASS มองว่า หนึ่งแนวทางในการปรับตัวของธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันคือ การผลิตเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน (เชื้อเพลิง SAF) ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เนื่องจากความต้องการใช้เชื้อเพลิง SAF มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 28.6%CAGR ในช่วงปี 2569-79 ตามความต้องการใช้เชื้อเพลิง SAF ของสายบินชั้นนำของโลก