Metthier เปิดตัว “METTRIQ” แพลตฟอร์มอัจฉริยะ ยกระดับ Facility Management และความปลอดภัย เร่งสร้าง Smart Living, Smart Life ให้คุณภาพชีวิตของคนไทยดีขึ้น
ปฏิเสธไม่ได้ว่ายุคนี้ คือ ยุคที่เทคโนโลยีมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงของโลก ซึ่งส่งผลถึงการปรับเปลี่ยนในหลายอุตสาหกรรม รวมไปถึงด้านการบริหารจัดการด้านความปลอดภัยก็ได้รับอิทธิพลจากนวัตกรรมที่พัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด การใช้เทคโนโลยีอัจฉริยะ อย่างเช่น AI, IoT และระบบฐานข้อมูล (Database) ไม่ได้เป็นเพียงตัวช่วย แต่กลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัย ความสะดวก และประสิทธิภาพของการดำเนินชีวิตของคนในทุกมิติ
องค์กรอย่าง Metthier ภายใต้การนำของ 'ขยล ตันติชาติวัฒน์' ซีอีโอหนุ่ม จึงเป็นหนึ่งในผู้ที่นำเทคโนโลยีมาสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืน โดยไม่เพียงแค่ตอบสนองต่อความต้องการในปัจจุบัน แต่ยังเป็นการวางรากฐานเพื่อการพัฒนาประเทศไทยในอนาคต
Metthier ทำอะไรบ้าง?
Metthier ถือว่าเป็นหนึ่งในผู้นำด้าน Smart Facility Management ด้วยเป้าหมายในการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยผ่านเทคโนโลยีอัจฉริยะ โดยมุ่งเน้นการจัดการด้านความปลอดภัยและการบริหารอาคารสถานที่ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ภายใต้แนวคิด “Smart Living, Smart Life”
Metthier เริ่มต้นด้วยแนวคิดการผสานข้อมูลและเทคโนโลยี (Database Integration) เพื่อพัฒนากระบวนการจัดการในทุกมิติ ทำให้ปัจจุบันองค์กรมีบุคลากรแล้วกว่า 9,000 คน โดยตั้งเป้าหมายขยายทีมงานให้ครบ 10,000 คนภายในสิ้นปีนี้ พร้อมกับเดินหน้าทำงานร่วมกับทั้งภาครัฐและเอกชนเพื่อผลักดันให้เกิดเมืองอัจฉริยะหรือสมาร์ทซิตี้อย่างเต็มรูปแบบ
โดย Metthier ได้เปิดตัวบริการภายใต้ 3 แกนหลัก ได้แก่
- Smart Building: เทคโนโลยีเพื่อการจัดการและดูแลอาคารสถานที่
- Security as a Service: ให้บริการรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง ด้วยการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ
- Smart Facility Management: บริการระบบดูแลอาคารสถานที่ ที่จะให้บริการทั้งหุ่นยนต์ทำความสะอาด ไปจนถึงแม่บ้าน
ตัวอย่างความสำเร็จของ Metthier ที่เห็นได้ชัด คือ การนำเทคโนโลยี AI CCTV และระบบ Visualization มาติดตั้งเพื่อเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างกล้องวงจรปิด ระบบไฟฟ้า และอุปกรณ์ IoT ต่าง ๆ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการได้เป็นอย่างดี ยกตัวอย่างสนามบินนานาชาติชางงี ที่ติดตั้งเซ็นเซอร์กว่า 5,000 ตัวเพื่อตรวจจับความเคลื่อนไหว ซึ่งช่วยลดอุบัติเหตุได้ไวกว่าสนามบินอื่นถึง 60% และช่วยประหยัดเวลาการทำงานของเจ้าหน้าที่ได้ถึง 40%
นอกจากนี้ ขยล ยังได้ชี้ภาพให้เห็นการพัฒนาของสิงคโปร์ ที่มีความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในสิงคโปร์ที่อนุญาตให้ตำรวจดึงข้อมูลจากกล้อง CCTV ของหน่วยงานต่าง ๆ ได้แบบเรียลไทม์ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกุญแจสำคัญที่ช่วยให้สิงคโปร์กลายเป็นเมืองอัจฉริยะอันดับต้น ๆ ของโลก
เปิดตัว METTRIQ แพลตฟอร์มอัจฉริยะ ยกระดับด้านความปลอดภัยและความยั่งยืน
Metthier เปิดตัว “METTRIQ” หรือ “Metthier Reformative IQ Platform” เพื่อขับเคลื่อนและยกระดับประเทศไทยด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ โดยมุ่งเน้นการเปลี่ยนแปลงด้านการบริหารจัดการอาคารและความยั่งยืนผ่าน 2 แนวทางหลัก ได้แก่ Smart Security Platform และ Sustainable Energy Management
ในด้าน Smart Security Platform ได้มีการพัฒนาเครื่องมือที่ดึงศักยภาพของ AI และ IoT มาประยุกต์ใช้ เช่น ระบบ AI CCTV ที่สามารถตรวจจับเหตุการณ์ผิดปกติ การโจรกรรม หรือการบุกรุกได้แบบเรียลไทม์ พร้อมทั้งเทคโนโลยีจดจำใบหน้าเพื่อช่วยป้องกันอาชญากรรมได้ล่วงหน้า นอกจากนี้ยังมีเครื่อง METTTALK Tracking สำหรับติดตามการทำงานของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และระบบ Smart Car Park Management ที่ช่วยจัดการพื้นที่จอดรถอย่างมีประสิทธิภาพ
ในด้าน Sustainable Energy Management ซึ่งเป็นการช่วยเก็บรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลการใช้พลังงาน เพื่อลดการสิ้นเปลืองและสร้างความยั่งยืน โดย ขยล ได้ยกตัวอย่างความสำเร็จในการพัฒนาด้านนี้ และเป็นโรลโมเดลสำคัญที่อยากจะให้เกิดขึ้นในประเทศไทย อย่าง การพัฒนาระบบ Smart Energy Saving ในเนเธอร์แลนด์ ที่สามารถปรับการทำงานของเครื่องปรับอากาศในห้างสรรพสินค้าให้เหมาะสมกับจำนวนผู้ใช้งาน โดยไม่สิ้นเปลืองพลังงานอย่างไม่จำเป็น
แนวคิดยกระดับกรุงเทพฯ เป็น “สมาร์ทซิตี้” เพื่อชีวิตที่ดีของคนไทย
เมื่อกล่าวถึงสถานะของกรุงเทพมหานครในการเป็นสมาร์ทซิตี้ แม้ว่าประเทศไทยจะพูดถึงแนวคิดนี้มาหลายสิบปีแล้ว แต่กรุงเทพฯ ยังคงรั้งอันดับอยู่ที่ 84 ในการจัดอันดับเมืองอัจฉริยะระดับโลก
อย่างไรก็ตาม กรุงเทพมหานครยังมีความโดดเด่นในเรื่องการดูแลความปลอดภัย โดยเป็นเมืองที่มีความปลอดภัยเป็นอันดับที่ 3 ในอาเซียน ด้วยจำนวนกล้อง CCTV ทั้งหมด 65,167 ตัว ซึ่งตามหลังสิงคโปร์ที่ติดตั้งกล้อง CCTV กว่า 109,072 ตัว และโฮจิมินห์ซิตี้ ประเทศเวียดนาม ที่มีจำนวนกล้อง CCTV กว่า 79,430 ตัว
โดย 'ขยล' มองว่า อนาคตของกรุงเทพฯ ยังมีศักยภาพที่สามารถพัฒนาให้เป็นสมาร์ทซิตี้ได้ โดยเฉพาะผ่านการนำเทคโนโลยีมาช่วยปรับปรุงระบบโครงสร้างพื้นฐาน การจัดการความปลอดภัย และการบูรณาการระหว่างภาครัฐและเอกชน เช่นเดียวกับความสำเร็จในสิงคโปร์ที่มีการผสานความร่วมมือในด้านการจัดการความปลอดภัยอย่างเป็นระบบ
นอกจากนี้ Metthier ยังพร้อมเสมอที่จะสร้างความร่วมมือกับทุกภาคส่วนทั้งในและต่างประเทศ เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นสมาร์ทซิตี้อย่างแท้จริง และมุ่งมั่นที่จะทำให้คนไทยใช้ชีวิตอย่างปลอดภัย สุขภาพดี มีประสิทธิภาพ และยั่งยืนในทุกมิติ