AWC ปลุกเศรษฐกิจเชียงใหม่รับท่องเที่ยวทั่วโลกหวนกลับไทย นำร่องโฉมใหม่‘พันธุ์ทิพย์’สู่ไลฟ์สไตล์ ฮับ รับพฤติกรรมลูกค้าเปลี่ยน ทิ้งภาพจำศูนย์ฯไอที
วัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC ผู้บริหารโครงการอสังหาริมทรัพย์โรงแรม/ค้าปลีก เปิดเผยว่า
AWC วางแผนเชื่อมโยงเส้นทางการเดินทางท่องเที่ยวและพักผ่อนใน 12 โครงการอสังหาฯ ของบริษัทในจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อให้เป็นจุดหมายปลายทาง (เดสติเนชัน) ของนักเดินทางทั่วโลกให้บรรจุไว้ในรายการ (ลิสต์) เมื่อมาท่องเที่ยวในไทย
‘ลานนา ทีค’ แหล่งแฮงค์เอาท์คนเมือง
สำหรับ 12 โครงการฯ ดังกล่าว มีทั้งอยู่ระหว่างดำเนินการและทยอยปรับปรุงพื้นที่โครงการเดิมที่มีอยู่ ซึ่งธุรกิจบริการส่วนใหญ่ตั้งในทำเลบริเวณถนนช้างคลาน และเชื่อมต่อไปยังถนนสายหลักที่อยู่ติดกัน และมีบางโครงการฯ อยู่ใกล้กับริมแม่น้ำปิง
ประกอบด้วย
1.โครงการสุริวงศ์บุ๊ค สเปซ คอมมูนิตี รีเทล
2.โครงการโรงแรมสียมภักดี (Design Hotel)
3.โรงแรมอินเตอร์ คอนติเนนทัล (Luxury Life Museum Hotel)
4.ศูนย์การค้าพันธุ์ทิพย์ เชียงใหม่ (Lifestyle Hub)
5.โครงการตลาดอนุสาร (Entertainment Market)
6. โรงแรมแอนเชียนท์ เฮาส์ (Luxury Boutique Hotel
7.โรงแรม BANN K SIRIN
8.โรงแรม MELIA
9.โครงการกาแล (KALARE)
10.โครงการไนท์บาซาร์ (Traditional Luxury Souvenirs)
11.โครงการเดอะพลาซ่า (Beauty Clinic and Upscale Hotel)
12.โครงการโรงแรมมาริออท (Mice Hotel)
วัลลภา กล่าวว่า “จากภาพรวมโครงการทั้งหมดจะนำไปสู่หนึ่งในโครงการสำคัญ คือ ลานนา ทีค ที่นำโมเดลมาจากเอเชีย ทีค ในกรุงเทพฯ วางตำแหน่งเป็นหมุดหมายปลายทางหลักที่นักท่องเที่ยวเมื่อมากรุงเทพฯแล้วจะต้องไปเชียงใหม่ เช่นเดียวกับหากไปโตเกียว ญี่ปุ่น ก็จะต้องแวะไปเกียวโต ต่อ”
ปรับโฉม ‘พันธุ์ทิพย์’ สู่ไลฟ์สไตล์ ฮับ
ขณะดียวกัน AWC ยังได้ปรับโฉมใหญ่ในรอบ 18 ปี ศูนย์การค้าพันธุ์ทิพย์ จังหวัดเชียงใหม่ ในรูปแบบ‘ไลฟ์สไตล์ ฮับ’ โดยใช้งบลงทุนกว่า 800 บ้านบาท
จากเดิมแบรนด์ ‘พันธุ์ทิพย์’ วางตำแหน่งเป็นศูนย์การค้ารวบรวมร้านค้าจำหน่ายสินค้าไอที แต่จากพฤติกรรมผู้บริโภค ลูกค้าในปัจจุบันที่เปลี่ยนไป ด้วยมีช่องทางการซื้อสินค้าไอทีหลากหลายมากขึ้น รวมถึงสินค้าอุปกรณ์ดังกล่าว ยังได้กลายเป็นไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค ไปแล้วในปัจจุบัน
แนวโน้มดังกล่าวทำให้ AWC มองเห็นโอกาสในการพัฒนาพื้นที่ศูนย์ฯพันธ์ทิพย์ เชียงใหม่ ภายใต้แนวคิด “EVERY HAPPINESS FOR EVERYONE” หรือ “ทุกเวลาสุขสนุกของทุกคน” ที่ THE PANTIP LIFESTYLE HUB บนพื้นที่รวมกว่า 13,000 ตารางเมตร ขณะนี้ มีร้านค้าผู้เช่าเข้ามาเปิดให้บริการสัดส่วน 50% ของพื้นที่โครงการทั้งหมด คาดพร้อมเปิดให้บริการราวไตรมาส 3 ปีนี้
วัลภา กล่าวว่า “AWC ยังวางแผนพัฒนาศูนย์ฯ พันธุ์ทิพย์ สาขางางวงศ์วาน กรุงเทพฯ ภายใต้โมเดลไลฟ์สไตล์ ฮับ มีจุดเด่นแหล่งรวมขุมทรัพย์(Treasure) อาทิ วัตถุมงคล พระเครื่อง ฯลฯ เป็นต้น ในเร็วๆนี้เช่นกัน”
.ขณะที่ก่อนหน้านี้ AWC ได้ปรับโฉมใหม่ศูนย์ฯพันธุ์ทิพย์ พลาซ่า ประตูน้ำ เป็นศูนย์การค้าส่งในชื่อ AEC Trade Center Pantip Pratunam ไปเมื่อปี2564 ที่ผ่านมา
ตั้งรับนทท.จีน กลับไทยไตรมาส3
วัลลภา กล่าวอีกว่าจากทั้ง 12 โครงการฯ บริษัทเตรียมแผนทยอยเปิดให้บริการตามระยะเวลาที่วางไว้ โดยโครงการเตรียมเปิดในปีนี้ อาทิ โรงแรมมาริออท ราวเดือน เม.ย., ตลาดกาแล เฟส1, พันธุ์ทิย์ เชียงใหม่ เป็นต้น เป็นแผนการรองรับความต้องการด้านท่องเที่ยวและพักผ่อนจากนักเดินทางทั่วโลก โดยเฉพาะกลุ่มชาวจีน ที่จะเตรียมกลับมาไทยเต็มที่ช่วงไตรมาส 3 ปีนี้
ส่วนโครงการทีเตรียมทยอยเปิดตัวถัดไป เช่น โครวการไนท์บาซาร์ ราวเดือนมี.ค. 2567, โครงการตลาดกาแล เฟส ราวเดือน มี.ค.2567 และเฟส 3 ในไตรมาสสอง 2568 ,โครงการเดอะพลาซ่า รูฟท็อป ราวไตรมาสสาม 2569 เป็นต้น
เคลียร์ผู้เกี่ยวข้องฝุ่นพิษถล่มเมือง
วัลลภา กล่าวทิ้งท้ายว่า ขณะนี้ AWC อยู่ระหว่างร่วมหารือกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการแก้ปัญหาระยะยาวฝุ่นละออง PM 2.5 ที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปีในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งแม้ว่าปัญหาดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบธุรกิจมากนัก ด้วยเป็นระยะสั้น เห็นได้จากจำนวนการจองที่พักล่วงหน้าเข้ามาในส่วนของโรงแรม MELIA ที่เต็มแล้วในขณะนี้
“การจองที่พักโรงแรมในเครือฯขณะนี้ยังทรงตัวอยู่ แต่มีลูกค้าจำนวนหนึ่งขอเลื่อนวันพักออกไป ซึ่งกระทบบ้างแต่คาดว่าจะเป็นชอร์ตเทิร์ม และหวังว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเข้ามาช่วยอย่างจริงจัง” วัลลภา กล่าว