ไทยยังเนื้อหอมต่างชาติ 11 เดือนลงทุน 2.13 แสนล้าน

ไทยยังเนื้อหอมต่างชาติ 11 เดือนลงทุน 2.13 แสนล้าน
กรมพัฒนธุรกิจฯ เปิดสถิติต่างชาติลงทุนในไทยมูลค่าพุ่ง 118 % เทียบกับปีก่อน  โดยนักลงทุน 5 อันดับแรก ญี่ปุ่นยังขึ้นแท่นเบอร์หนึ่ง

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 เปิดเผยว่า ในช่วง 11 เดือนของปี 2567 (ม.ค.-พ.ย.) มีการอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย ภายใต้พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 จำนวน 884 ราย โดยเป็นการลงทุนผ่านช่องทางการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว จำนวน 202 ราย และการขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว (ผ่านช่องทางการลงทุนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน หรือได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย

ขณะที่การใช้สิทธิตามสนธิสัญญาหรือความตกลงระหว่างประเทศ) จำนวน 682 ราย เงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 213,964 ล้านบาท โดยชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุน 5 อันดับแรก ได้แก่  1. ญี่ปุ่น 239 ราย คิดเป็นร้อยละ 27 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 119,057 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ  ธุรกิจบริการทางวิศวกรรมและเทคนิค ธุรกิจการจัดหาจัดซื้อวัตถุดิบ ส่วนประกอบและชิ้นส่วนสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ เป็นต้น

2.สิงคโปร์ 120 ราย คิดเป็นร้อยละ 14 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 16,332 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ  บริการทางวิศวกรรมและเทคนิคด้านต่างๆ ธุรกิจการจัดซื้อสินค้า วัตถุดิบ และชิ้นส่วนสำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น อุตสาหกรรมการแพทย์ เป็นต้น ,ธุรกิจบริการขุดเจาะปิโตรเลียม

3. จีน 117 ราย คิดเป็นร้อยละ 13 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติ เงินลงทุน 16,674 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ ธุรกิจบริการติดตั้ง ทดสอบ ซ่อมแซม บำรุงรักษา และฝึกอบรมเกี่ยวกับเครื่องจักร เครื่องมือ อุปกรณ์ และระบบการทำงานต่างๆ เพื่อติดตั้งระบบสายพานที่ใช้สำหรับโครงการก่อสร้างโรงงานผลิตและประกอบรถยนต์ไฟฟ้า ,ธุรกิจบริการสถานที่สำหรับเล่นเกมแก้ไขปริศนา (Escape Room)  และธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า ชิ้นส่วนสำหรับเครื่องจักรอุตสาหกรรม เครื่องใช้ไฟฟ้า

4. สหรัฐอเมริกา  115 ราย คิดเป็นร้อยละ 13 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติ เงินลงทุน 23,555 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ  ธุรกิจบริการทางวิศวกรรมและเทคนิค ธุรกิจค้าปลีกสินค้า  ธุรกิจโฆษณา ธุรกิจบริการซ่อมแซมและบำรุงรักษากล้องส่องตรวจ ท่อส่องตรวจ และเครื่องมือที่เกี่ยวข้อง  ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า อาทิ ลูกอม ขนมขบเคี้ยว หมากฝรั่ง อาหารสำเร็จรูป Electro Magnetic Product, แบตเตอรี่ลิเทียมไอออน

5. ฮ่องกง 62 ราย คิดเป็นร้อยละ 7 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 14,508 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ  ธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ โดยเป็นการจัดซื้อสินค้า วัตถุดิบ และชิ้นส่วนสำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น อุตสาหกรรมเครื่องสำอาง- ธุรกิจบริการพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อจำหน่าย และ/หรือ ให้บริการ เช่น การตอบคำถามโดยใช้เสียง (Voice to Voice) และการเสนอโฆษณาตามลักษณะของลูกค้า  และ ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า อาทิ ด้ายหรือผ้าที่มีคุณสมบัติพิเศษ ผลิตภัณฑ์โลหะและชิ้นส่วนโลหะขึ้นรูป ชุดแบตเตอรี่ความจุสูง (High Density Battery)

ทั้งนี้เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน พบว่า การอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทยในปี 2567 เพิ่มขึ้นจากปี 2566 จำนวน 272 ราย (44%) (เดือน ม.ค. - พ.ย. 67 อนุญาต 884 ราย  มีมูลค่าการลงทุนเพิ่มขึ้น 115,676 ล้านบาท (118%)

ขณะที่มีการจ้างงานคนไทยจากนักลงทุนที่ขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวลดลง 2,415 ราย (40%) (เดือน ม.ค. - พ.ย. 67 จ้างงาน 3,671 คน / เดือน ม.ค. - พ.ย. 66 จ้างงาน 6,086 คน) โดยจำนวน นักลงทุนที่เข้ามาสูงสุดยังคงเป็นนักลงทุนญี่ปุ่นเช่นเดียวกับปีก่อน

 สำหรับการลงทุนในพื้นที่ EEC ของนักลงทุนต่างชาติ ช่วง 11 เดือน ของปี 2567 มีนักลงทุนต่างชาติสนใจลงทุนในพื้นที่ EEC จำนวน 281 ราย คิดเป็น 32% ของจำนวนนักลงทุนต่างชาติที่ได้รับอนุญาตในปีนี้ เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน จำนวน 161 ราย (134%)  มีมูลค่าการลงทุนในพื้นที่ EEC จำนวน 50,396 ล้านบาท คิดเป็น 24% ของเงินลงทุนทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน 30,865 ล้านบาท (158%)  เป็นนักลงทุนจาก ญี่ปุ่น 96 ราย ลงทุน 18,637 ล้านบาท  จีน 67 ราย ลงทุน 9,284 ล้านบาท ฮ่องกง 19 ราย ลงทุน 5,223 ล้านบาท และประเทศอื่นๆ 99 ราย ลงทุน 17,252 ล้านบาท

 

TAGS: #ต่างชาติลงทุน #ญี่ปุ่น #ยานยนต์ #EEC