บ้านปูฯ ส่อง5เทรนด์พลังงานสะอาดปี 2023 รับอนาคตตลาด Green Energy 6.6 แสนล.เหรียญฯ/ปี

บ้านปูฯ ส่อง5เทรนด์พลังงานสะอาดปี 2023 รับอนาคตตลาด Green Energy 6.6 แสนล.เหรียญฯ/ปี
บ้านปู เน็กซ์ หนุนธุรกิจปรับตัวให้ทันโลกยุคใหม่ มุ่งสู่สังคมไร้คาร์บอน ผ่าน5 เทรนด์พลังงานสะอาด

รายงานจากสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) เผยว่า หากทั่วโลกเดินหน้าพิชิตภารกิจ Net-Zero ตามคำสัญญาภายในปี 2030 ตลาดสำหรับเทคโนโลยีการผลิตพลังงานสะอาด เช่น ระบบโซลาร์ พลังงานลม แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า อิเล็กโทรไลเซอร์สำหรับผลิตไฮโดรเจน ฯลฯ จะมีมูลค่ารวมประมาณ 6.5 แสนล้านดอลลาร์ต่อปี*

โดยบ้านปู เน็กซ์ เล็งเห็นว่า ในอนาคตเทคโนโลยีพลังงานจะถูกพัฒนาให้หลากหลาย ฉลาด และสะอาดยิ่งขึ้น (Greener & Smarter) ซึ่ง 5 พลังงานสะอาดที่น่าจับตามอง มีดังนี้

1.ระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ (Battery Energy Storage System: BESS) สร้างเสถียรภาพการจัดการไฟฟ้า

BESS เป็นระบบกักเก็บพลังงานที่ใช้แบตเตอรี่มาเป็นองค์ประกอบ ทำหน้าที่กักเก็บไฟฟ้าส่วนเกินและดึงกลับมาใช้ในช่วงที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูง โดยจุดเด่นของ BESS คือ ช่วยลดความผันผวนของไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน รักษาเสถียรภาพ และเพิ่มความยืดหยุ่นในการจัดการไฟฟ้า

รวมไปถึงมีความจุพลังงานสูง สามารถติดตั้งได้ทุกพื้นที่ เคลื่อนย้ายง่าย และเชื่อมต่อการทำงานได้ทั้งระบบไฟฟ้าในครัวเรือนและโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ โดยบ้านปู เน็กซ์ได้นำ BESS ของดูราเพาเวอร์ ซึ่งเป็นบริษัทลูกและผู้นำด้านระบบแบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออนระดับโลก ไปใช้ในระบบโซลาร์ที่ประเทศอินโดนีเซีย เพื่อให้สามารถใช้ไฟฟ้าภายในไซต์ได้อย่างเสถียรตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน

2. เซลล์แสงอาทิตย์ผสานวัสดุอาคาร (Building Integrated Photovoltaics: BIPV) นวัตกรรมขับเคลื่อนอาคารคาร์บอนต่ำ

BIPV แตกต่างจากระบบโซลาร์ที่หลายคนคุ้นเคย โดยเป็นนวัตกรรมที่นำแผงโซลาร์มาออกแบบ สร้าง และติดตั้งไปในส่วนต่าง ๆ ของอาคาร เช่น หลังคา แนวกันสาด หน้าต่าง ฯลฯ

ซึ่งนวัตกรรมนี้จะช่วยให้อาคารผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ได้เอง ช่วยลดค่าไฟฟ้า ป้องกันความร้อน ลดเสียงรบกวน และลดการปล่อย CO2 ได้มากขึ้น ทั้งยังช่วยยกระดับสู่อาคารคาร์บอนต่ำ หรืออาคารสีเขียว

3. พลังงานลมนอกชายฝั่ง (Offshore Wind) แหล่งพลังงานที่ไม่มีวันหมด

หลายประเทศวางแผนจะพัฒนาการใช้พลังงานลมเพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นแหล่งพลังงานสะอาดที่ไม่มีวันหมด ไม่มีค่าเชื้อเพลิง มีศักยภาพในการลดการปล่อย CO2 ได้มากที่สุด ช่วยสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจของประเทศ

โดยพลังงานลมนอกชายฝั่งมีความเร็วและกำลังลมแรงกว่าบนฝั่ง ทำให้สามารถผลิตพลังงานได้มากกว่า ปัจจุบันเริ่มมีการเปิดโครงการฟาร์มกังหันลมนอกชายฝั่งในหลาย ๆ ประเทศ เช่น เดนมาร์ก สหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น เป็นต้น

4. Power-to-X หนทางสู่พลังงานสะอาดในอุตสาหกรรม

Power-to-X เป็นเทคโนโลยีในการเปลี่ยนไฟฟ้าส่วนเกินที่ผลิตจากพลังงานสะอาดต่าง ๆ อย่างพลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ ฯลฯ ไปเป็นเชื้อเพลิงรูปแบบอื่น เช่น ไฮโดรเจนสีเขียว แอมโมเนีย รวมถึงวัตถุดิบทางอุตสาหกรรมเคมี เป็นต้น

โดยต่อยอดนำไปใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม ระบบขนส่งและการเดินทาง ระบบผลิตความเย็นแบบรวมศูนย์ (District Cooling System) และอีกมากมาย ถือเป็นเทคโนโลยีจะช่วยเพิ่มโอกาสในการยกระดับธุรกิจให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้มากขึ้น

5.ไฮโดรเจนสีเขียว (Green Hydrogen) อีกหนึ่งจิ๊กซอว์สำคัญในการลดคาร์บอน

ไฮโดรเจนสีเขียว (Green Hydrogen) คือ ไฮโดรเจนที่ผลิตขึ้นจากพลังงานหมุนเวียน ไม่ก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจก สามารถนำไปปรับใช้ได้ในหลายภาคส่วน เช่น ใช้เป็นวัตถุดิบในการกลั่นน้ำมัน การผลิตปุ๋ย หรือเหล็ก หรือใช้เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าและการขนส่ง

ปัจจุบันต้นทุนในการผลิตไฮโดรเจนสีเขียวยังคงสูงกว่าไฮโดรเจนประเภทอื่น ๆ แต่เชื่อว่าในอนาคตต้นทุนการผลิตจะลดลงและไฮโดรเจนสีเขียวจะเป็นเชื้อเพลงสีเขียวที่มีการใช้อย่างแพร่หลาย

นอกจากพลังงานสะอาดรูปแบบต่าง ๆ อีกหนึ่งสิ่งที่ขาดไม่ได้คือ การนำเทคโนโลยี เช่น AI IoT Big Data ระบบคลาวด์ ฯลฯ มาใช้ควบคู่กับการผลิตพลังงานสะอาด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ สามารถควบคุม-สั่งการ-มอนิเตอร์การใช้พลังงานได้แบบเรียลไทม์

โดย บ้านปู เน็กซ์ นำเทคโนโลยีและดิจิทัลแพลตฟอร์มมาผนวกกับโซลูชันพลังงานสะอาดที่ออกแบบเหมาะสมกับแต่ละธุรกิจ เพื่อช่วยให้องค์กรต่าง ๆ ใช้พลังงานสะอาดได้อย่างไร้ขีดจำกัด ทรานส์ฟอร์มสู่ Smart Business และบรรลุเป้าหมายด้าน ESG

ขณะเดียวกันก็เดินหน้าต่อยอดธุรกิจพลังงานสะอาดและพัฒนาโซลูชันพลังงานรูปแบบใหม่ ๆ เพื่อรองรับเทรนด์การใช้พลังงานในอนาคต และมีส่วนช่วยขับเคลื่อนสังคมไร้คาร์บอนให้เกิดขึ้นจริง

TAGS: #บ้านปูเน็กซ์ #พลังงานสะอาด #green #energy