Bagnifique.brandname วางเป้าสู่ศูนย์รวมแบรนด์เนมแท้อันดับ 1 แผนเปิดสาขาทั่วไทยรับดีมานด์ขยายตัว ในตลาดซื้อขายแบรนด์เนมมือ2ของไทยปีละกว่า 4 หมื่นล้าน เจาะคนรุ่นใหม่สายแกลมอยากได้แบรนด์แท้ราคาเข้าถึงได้
ธารารัตน์ อนุรัตน์บดี ประธานกรรมการบริหาร และผู้ก่อตั้ง Bagnifique.brandname ศูนย์รวมแบรนด์เนมแท้อันดับ 1 ด้วยรวบรวมสินค้าระดับหรู/ไฮแบรนด์เนม (Luxury Brand) แท้มือ 2 พร้อมบริการครอบคลุมด้านแบรนด์เนม เปิดเผยว่า หลังจาก Bagnifique.brandname ดำเนินธุรกิจร่วม 13 ปี ในสาขาแรกศูนย์การค้าเมกะ บางนา ถึงในปัจจุบันได้ขยายเพิ่มขึ้นเป็น 5 สาขาในห้างสรรพสินค้าชั้นนำทัวกรุงเทพและปริมณฑล อาทิ สาขา เมกะบางนา ,เซ็นทรัล เวสต์เกท,เดอะมอลล์ บางกะปิ, แฟชั่น ไอส์แลนด์ ,ซีคอนสแควร์ และมีช่องทางการซื้อขายออนไลน์ทุกช่องทาง
ปัจจุบัน Bagnifique.brandname มีสินค้าแบรนด์เนมหรือ Luxury Brand มากกว่า 10,000 รายการ มูลค่ารวมกว่า 500 ล้านบาท โดยมีสินค้าทุกแบรนด์ชั้นนำทั้งรุ่นยอดนิยม ไปจนถึงรุ่นหายาก รองรับทุกความต้องการลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย ทั้งในสาขาหน้าร้านและช่องทางออนไลน์ พร้อมขยายตลาดซื้อขายแบรนด์เนมมือ 2 ให้เป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ เพื่อรองรับการเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยว ของประเทศไทย ที่มีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเข้ามาจับจ่ายใช้สอย
“เราวางวิสัยทัศน์สู่การเป็นผู้นำในวงการสินค้าแบรนด์เนมมือสองที่ลูกค้าไว้วางใจและได้รับการยอมรับระดับโลก พร้อมสร้างมาตรฐานใหม่ในการจัดหาสินค้าและบริการที่มีคุณภาพสูงสุด ด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อมอบคุณค่าและประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า” ธารารัตน์กล่าว
โดยมีจุดแข็ง ด้านระบบโอเปอเรชั่น การจัดการดูแลสินค้า และขั้นตอนการตรวจสอบสินค้า authentic แท้ ก่อนนำส่งออกขาย โดยกำหนดมาตรฐานในการคัดเลือกกระเป๋า ที่นำมาขายให้กับลูกค้า โดยรับประกันว่ากระเป๋าทุกเป็นของแท้ 100%
นอกจากนี้ ยังมีบริการที่ครอบคลุมความต้องการของลูกค้า ที่ใช้บริการจบได้ในที่เดียว ตั้งแต่การซื้อ-จนถึงการนำสินค้ากลับมาแลกเปลี่ยน-ฝากขาย-ขายและส่งต่อได้อย่างครบวงจร ตอบโจทย์ทุกความต้องการ พร้อมบริการรับซื้อ สินค้าที่ลูกค้าต้องการขายได้เงินทันที แตกต่างจากแบรนด์เนมร้านอื่นในไทย ที่เน้นฝากขายเป็นส่วนใหญ่ซึ่งอาจต้องใช้เวลานาน ด้วยหน้าร้านที่ตั้งอยู่ในศูนย์การค้าชั้นนำ เพิ่มความสะดวก และความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า และในส่วนของร้านค้าออนไลน์ ยังมีช่องทางในการสื่อสารอย่างทั่วถึงในทุกช่องทาง
"เมื่อตลาดเกิดดีมานด์และมีซัพพลายของคนที่ต้องการปล่อยของรักที่มีคุณค่าส่วนตัวออกมา ขณะเดียวกัน เกิดช่องทางการซื้อขายออนไลน์ที่หลากหลายและได้รับความนิยมมากขึ้น ซึ่งธุรกิจซื้อขายแบรนด์เนมมือ2 ยังสามารถตอบสนอง ต่อความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย ตั้งแต่ผู้ที่มองหาความคุ้มค่าด้านราคาไปจนถึงผู้ที่ต้องการสินค้าหายากหรือสินค้ารุ่นพิเศษ ล้วนเป็นปัจจัยที่สนับสนุนให้ตลาดซื้อขายสินค้าแบรนด์เนมมือ2ในไทยมีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดสินค้าแบรนด์เนมมือ2 ทั่วโลก" ธารารัตน์กล่าวว่า
ด้าน ธานี สามสีเจริญลาภ ซีเอฟโอฝ่ายการเงินและบัญชี เปิดเผยถึงภาพรวมธุรกิจของ Bagnifique.brandname ว่า มูลค่าการซื้อขาย ย้อนหลัง 4 ปี(2564-2567) มีการเติบโตต่อเนื่อง โดยปี64 มีมูลค่าการซื้อขาย 164 ล้านบาท ปี65 มูลค่า 210 ล้านบาท ปี66 มูลค่า 480ล้านบาท และล่าสุดปี 67 มีมูลค่าการซื้อขายรวมประมาณ 640 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 160 ล้านบาท จากปี66 หรือเพิ่มขึ้นกว่า 30 % ความสำเร็จนี้สะท้อนให้เห็นถึงความไว้วางใจของลูกค้าที่มีต่อทางร้าน
ทั้งนี้ ยังวางเป้าหมายขยายสาขาร้านให้ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยมุ่งเปิดสาขาในจังหวัดหัวเมืองใหญ่ของภูมิภาคต่างๆ เพื่อให้สามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างทั่วถึงยิ่งขึ้น พร้อมวางเป้าหมายยกระดับการเป็นศูนย์กลางการซื้อขายสินค้าแบรนด์เนม อันดับหนึ่งของไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้(อาเซียน)
“ยังวางแผนระยะยาวภายใน 3-5ปี หรืออาจจะเร็วกว่านั้น ที่จะนำธุรกิจเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯเพื่อนำเงินมาขยายกิจการด้วย” ธานี กล่าว
โดยมองเห็นโอกาสการเติบโตของธุรกิจซื้อขายสินค้าแบรนด์เนมมือ2 ที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยปีละ 10-15% โดยประเมินว่า ปี67 ที่ผ่านมา สินค้าแบรนด์เนมมือ2 มีมูลค่าการซื้อขายรวมประมาณ 4 หมื่นล้านบาท สอดคล้องกับข้อมูลที่มีการประเมินว่า ตลาดลักซุรี่แบรนด์ในไทย มีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 2 แสนล้านบาท ซึ่งสินค้ามือ2 มีการซื้อขายผ่านร้านค้ามือ2ต่างๆ 10-20% ไม่รวมช่องทางออนไลน์และการซื้อขายกันเอง(ข้อมูลจาก the standard wealth เผยแพร่ 29/4/66)
ขณะที่ตลาดสินค้าแบรนด์เนมมือ2 มีมูลค่าและขนาดที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ทั้งจากลูกค้าคนไทยและลูกค้าจากประเทศเพื่อนบ้าน ที่มีทั้งเศรษฐี นักธุรกิจ นักลงทุน อินฟูเอนเซอร์ และผู้มีกำลังซื้อ ได้เข้ามาซื้อสินค้าแบรนด์เนมทั้งมือ1และมือ2ในไทยจำนวนมาก
สำหรับสาเหตุสำคัญ ที่มูลค่าตลาดซื้อขายแบรนด์เนมมือ2 มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะหลังวิกฤติโควิด-19 ที่ตลาดซื้อขาย Luxury Brand ทั้งกระเป๋า เสื้อผ้า รองเท้า และเครื่องประดับ accessory ต่างๆ เนื่องจากผู้บริโภค โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับการสร้างภาพลักษณ์และต้องการเป็นเจ้าของสินค้าที่มีคุณภาพสูง ในราคาที่จับต้องได้ และสามารถเข้าถึงแบรนด์หรูได้ในราคาที่ถูกกว่า แต่ยังคงคุณค่าของความเป็น Luxury Brand ทำให้แบรนด์เนมมือ2กลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เพราะราคาจะลดลงจากสินค้าใหม่ในช็อปมากถึง 30-70%
ขณะที่ สินค้า Luxury Brand ที่วางขายใน Shop ทั่วโลกหลายไอเทมหลายแบรนด์ที่เป็น "ตำนาน" กลับมีการประกาศปรับเพิ่มราคาสูงขึ้นทุกปี การซื้อแบรนด์เนมมือ2 จึงถือเป็นทางเลือกที่ชาญฉลาดและยั่งยืน ส่งเสริมคุณค่าการใช้ซ้ำและยืดอายุการใช้งานของผลิตภัณฑ์ ทำให้เกิดความยั่งยืน และผู้บริโภค Luxury Brand บางกลุ่มยังมองว่าสินค้ามือสอง เป็นวิธีในการหา “สินค้าหายาก rare item ”หรือ “สินค้ารุ่นพิเศษ” ที่ไม่สามารถหาซื้อได้จาก shop ทางการของแบรนด์ได้
นอกจากนี้ ช่องทางการจำหน่ายสินค้าแบรนด์เนมมือ 2 ในช่่องทางออนไลน์และโซเชียลมีเดีย ได้รับการยอมรับและได้รับความนิยมมากขึ้น จึงทำให้เกิดการตกลงซื้อขายกันได้ง่ายขึ้นและมากขึ้น รวมทั้งเศรษฐกิจที่ชะลอตัวช่วงหลายปีที่ผ่านมา ได้ทำให้มีการนำสินค้าแบรนด์เนมออกมาขายเป็น used หรือสินค้ามือ2เพื่อสร้างสภาพคล่องทางการเงินหรือแลกเปลี่ยนเป็นเงินสดให้กับเจ้าของหรือผู้ครอบครองได้ง่าย ขณะเดียวกัน ยังเกิด New money หรือ "เศรษฐีใหม่" ที่ต้องการใช้สินค้า Luxury Brand โดยเริ่มจากการใช้แบรนด์เนมมือ2