‘Red Bull’ ย้ำเบอร์หนึ่งคาร์บอเนท เอนเนอร์จี ดริงค์ ระดับโลก รับสิ่งท้าทายสร้างความเข้าใจตลาดในไทย สินค้าต้นกำเนิดนำเข้าออสเตรีย
หากย้อนกลับไปกว่า 40 ปีก่อน ต้นกำเนิดแบรนด์เรดบูล มาจากเครื่องดื่มกระทิงแดงซึ่งเกิดขึ้นเมื่อราวปี 2519 ในไทย โดยมี “เฉลียว อยู่วิทยา” เป็นเจ้าของ “กระทิงแดง” สินค้าทำตลาดในกลุ่มผู้ใช้แรงงานเป็นหลัก จากนั้น “ดีทริช เมเทสซิทซ์” (Dietrich Mateschitz) หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งแเรดบูล ได้ซื้อกระทิงแดงกระป๋องมาทดลองดื่มแล้วพบว่าช่วยลดอาการเมาเครื่องบินได้
พร้อมหาช่องทางติดต่อ “เฉลียว อยู่วิทยา” เพื่อร่วมมือพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ให้เหมาะสมกับรสชาติคนตะวันตก ด้วยการเติมคาร์บอนไดออกไซด์เข้าไป จากนั้นจึงได้จัดตั้งบริษัทเรดบูลจีเอ็มบีเอช ที่ประเทศออสเตรีย ในปี2527 โดยออกผลิตภัณฑ์เรดบูลบรรจุกระป๋องครั้งแรกในยุโรปในปี 2539 และเริ่มวางขายในสหรัฐอเมริกา พร้อมกับการเติบโตในตลาดอย่างแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องถึงในปัจจุบัน
จุดนี้เองที่แบรนด์เรดบูล ได้กลายเป็นเครื่องดื่มชูกำลังแบรนด์ระดับโลก ด้วยส่วนแบ่งการตลาดราว 38% และมียอดขายในปี 2564 ร่วม 9.8 พันล้านกระป๋องทั่วโลก
นอกเหนือจากความสำเร็จจากการทำตลาดระดับโลกที่เรดบูล ทำได้ดีมาโดยตลอดระยะเวลาเกือบ 40 ปีที่ผ่านมา ผ่านกลยุทธ์หลักๆ ด้วยการนำแบรนด์เข้าไปมีส่วนร่วมในฐานะพันธมิตรด้านกิจกรรมกีฬาเอ๊กซตรีมรวมถึงการมีทีมของตัวเองในการการแข่งขันรายการต่างๆ อาทิ การแข่งรถสูตร1 (Formular 1) การแข่งขันโมโตจีพี (MotoGP) ฯลฯ
ที่ผลักดันให้ “เรดบูล” กลายเป็นแบรนด์สินค้าเอ็นเนอร์จี ดริงค์ ที่อยู่ในใจผู้บริโภคกลุ่มคนรุ่นใหม่ไว้ได้อย่างเหนียวแน่นในฐานะผิตภัณฑ์ของยุโรป
และจากการที่แบรนด์ทำมาได้ดีโดยตลอด จนทำให้กลายเป็นโจทย์สุดท้ายทายของการทำตลาดเรดบูล ในประเทศไทย ด้วยเช่นกัน
วศกร สันธินาก Digital Marketing and Media Network อาร์บีเอ็มเอ็น สเปเชียลิสต์-ประเทศไทย กล่าวกับ The Better ว่า เรดบลู (Red Bull) เป็นเครื่องดื่มชูกำลังแบบอัดก๊าซ (Carbonate Energy Drink) ได้เข้ามาตั้งสำนักงานในประเทศไทยพร้อมทำตลาดอย่างจริงจังตั้งแต่ 9 ปีก่อน ณ อาคารวูฟแพค ศาลาแดง ถนนสีลม
มีสำนักงานประจำภูมิภาค (Reginal Office) ในเมืองดูไบ สหรัฐสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยสำนักงานใหญ่ (Head Quarter) อยู่ในออสเตรีย ประเทศต้นกำเนิดแบรนด์เรดบูล
โดยสิ่งท้าทายการทำตลาดเรดบูลในไทย คือ การเป็น Top of Mind Brand แบรนด์สินค้าที่อยู่ในใจผู้บริโภครุ่นใหม่คนไทย
ต่อการจะเดินไปสู่เป้าหมายดังกล่าว “เรดบูล” จะมุ่งให้ความสำคัญในการทำตลาดร่วมกับการเป็นพันธมิตรผ่านกิจกรรมในโอกาสไลฟ์สไตล์ต่างๆ (Occation Partner) โดยทุกอีเวนต์จะใช้ธีมเดียวกับเรดบูลระดับโลก เพื่อย้ำจุดยืนผลิตภัณฑ์ความเป็นเครื่องดื่มคาร์บอเนท เอ็นเนอร์จี ดริงค์ ที่นำเข้าจากประเทศออสเตรเลีย
โดยมีบริษัท บริษัท สยาม ไวเนอรี่ จำกัด เป็นผู้กระจายสินค้าในช่องทางขายทั่วประเทศ วางราคาปลีกอยู่ที่กระป๋องละ 69 บาท
“โจทย์ใหญ่คือการสร้างการรับรู้แบรนด์เรดบูลในตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในไทย ด้วยเป็นสินค้านำเข้าจากออสเตรเลียแม้จะมีบางส่วนผสมที่เหมือนกับยี่ห้อเดียวกันในไทย แต่สิ่งที่ต่างกัน คือ ความเป็นสปาร์คลิง เอ็นเนอร์จี ดริงค์ ให้พลังงานสดชื่น มีรสซ่า และเป็นสินค้าจากยุโรป”
ดังนั้นกิจกรรมการตลาดของเรดบูล จะใช้ต้องเป็นไปในทิศทางเดียวกับการตลาดเรดบูลระดับโลก เพื่อมีส่วนร่วมในการสร้างประสบการณ์ให้กับลูกค้า ที่นอกเหนือจากการจัดกิจกรรมผ่านการแข่งขันกีฬา ที่เรดบูลมีทีมเองทั้งในโมโตจีพี และ ฟอร์มูลาร์ วันแล้ว จะยังนำแบรนด์เข้าไปมีส่วนร่วมในอีเวนต์ ต่างๆ เพื่อนำแบรนด์เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ด้วย เพื่อตอกย้ำความเป็น “Top of Mind Blue & Silver Brand”
โดยแนวทางการสร้างสรรค์การทำตลาดในไทย จะดำเนินการภายใต้ธีม (Theme) ในโอกาสต่างๆ อาทิ การจัดปาร์ตี และ โซเชียล (Party and Social Life) การจัดกิจกรรมการแข่งขันกีฬา (Sport Area) หรือในช่วงที่ผ่านมาได้มีการนำแบรนด์เข้าไปมีส่วนร่วมในด้านการศึกษา รวมถึงการทำงานกับธุรกิจ องค์กร แบรนด์สินค้าต่างๆ เพื่อเปิดประสบการณ์ใหม่ร่วมกับกลุ่มเป้าหมายผลิตภัณฑ์ เป็นต้น
ล่าสุดเรดบูล ยังเตรียมจัดกิจกรรมซีเอสอาร์ Wings for Life World Run งานวิ่งใหญ่ที่สุดในโลกเชื่อมโยงนักวิ่งและผู้ใช้วีลแชร์ทั่วโลก โดยจะนำค่าธรรมเนียมการวิ่งของผู้ร่วมกิจกรรมทั้งหมด นำไปใช้ประโยชน์ในการวิจัยเกี่ยวกับไขสันหลัง จะออกสตาร์ทวิ่งพร้อมกันทั่วโลกในวันที่ 7 พ.ค.นี้