เปิดโจทย์ท้าทายรับยุคเทคโนโลยีเคลื่อนตัว

เปิดโจทย์ท้าทายรับยุคเทคโนโลยีเคลื่อนตัว
ประธานกสทช.เดินหน้าสร้างโอกาสการเข้าถึงโครงข่ายสื่อสาร โทรคมนาคม ชี้ 6G เพิ่มสปีดเน็ตรับเทรนด์  รอเคาะทางออก 4 ปีสุดท้ายทีวีดิจิทัล เร่งเพิ่ม USO พื้นที่สังคมลดเหลื่อมล้ำ

ศาสตราจารย์คลินิก นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์  ประธานกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)  ให้สัมภาษณ์พิเศษกับ สำนักข่าว The Better  ถึงแนวทางการดำเนินนโยบายของกสทช.ว่า ในปี 2568 ความท้าทายในการบริหารโครงข่ายการสื่อสารโทรคมนาคมในยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่รวดเร็วต้องขับเคลื่อนให้ทันกับความทันสมัยที่กำลังจะเกิดขึ้น

ทั้งนี้ประเทศไทยมีโครงสร้างพื้นฐานการสื่อสารที่พร้อม แต่ยังนำมาใช้ได้ไม่เต็มศักยภาพ อย่างการใช้เครือข่าย 5G ต้องการผลักดันให้เกิดการใช้ 100%  ซึ่งส่วนใหญ่ 90% เป็นการเข้าถึงของกลุ่มผู้ใช้ในด้านพื้นที่ หรือการใช้ในชีวิตประจำวัน การเล่นโซเชียล  แต่ยังไม่ได้นำไปใช้ด้านเทคโนโลยีให้เกิดสิ่งใหม่ๆขึ้น  โดยเฉพาะในภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม ซึ่งควรนำไปปรับและพัฒนาการใช้ได้เร็วกว่านี้ อย่างในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี ) อยากเห็นการใช้ 5G ในโรงงาน โรงพยาบาล หรือธุรกิจบางประเภทให้มากขึ้น

ขณะเดียวกันยังต้องเตรียมพร้อมกับเครือข่าย 6G ใช้ย่านความถี่สูงขึ้นจาก 5G ประมาณ 5-50 เท่า   โดยมีความสามารถในการขนส่งข้อมูลที่เร็วขึ้นโดยเร็วกว่า 5G ถึง 1000 เท่าน่าจะรองรับกับการเสพความบันเทิงที่ได้อรรถรสมากขึ้นทั้งคอนเสิร์ต และกีฬา

อีกหนึ่งความท้าทายคือต้องติดตามโครงการดาวเทียมวงโคจรต่ำ Row orbit  ซึ่งปัจจุบันมีผู้เล่นหลักอย่าง Starlink  Amazon และOneweb   มีระดับโคจรอยู่ที่ 550 กิโลเมตร จะช่วยบริหารจัดการอินเตอร์เน็ตภาคพื้นดินในบริเวณที่ไฟเบอร์ออฟติกไปไม่ถึงเช่น พื้นที่ป่า โดยเป็นทางเลือกอย่างหนึ่งในการใช้อินเตอร์เน็ตเคลื่อนที่ รองรับในพื้นที่ห่างไกลที่ไม่มีเสารองรับ5G  ทำให้การสื่อสารจะขาดช่วง ซึ่งจะมีสถานีอวกาศนานาชาติอยู่ใน วงโคจรต่ำของโลก หรือ LEO ดูแล

4 ปีสุดท้ายอนาคตทีวีดิจิทัล

สำหรับประเด็นใบอนุญาตทีวีดิจิทัลที่จะหมดสัญญาในปี 2572  ต้องยอมรับว่ายังไม่สามารถกำหนดนโยบายที่ชัดเจนได้ แต่จะติดตามแบบปีต่อปี  เพราะต้องมองเทรนด์ความนิยมของผู้ชมไปด้วย แต่ในหลักการแล้วเมื่อหมดสัญญาก็ต้องมานั่งคิดว่า  คลื่นเป็นสมบัติของชาติ มีกฎหมายที่กำหนดไว้ชัดว่า ต้องเปิดประมูล  แต่ในทางปฏิบัติแล้วทีวีดิจิทัลอยู่ได้เพราะมีคลื่น 3500 MHz  หากไม่มีคลื่นความถี่นี้ ทีวีดิจิทัลก็อยู่ไม่ได้

ส่วนจะมีการจัดสรรคลื่นความถี่ย่าน 3500 MHz  หรือไม่ ต้องมาพิจารณาแนวทางการเปิดประมูลที่เหมาะสมควบคู่ไปกับการกำกับดูแลทีวีดิจิทัล จะดำเนินการในรูปแบบใด

“ที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าทีวีแต่ละช่องก็มีสไตล์การนำเสนอเนื้อหาที่ต่างกัน มีความน่าสนใจที่ไม่เหมือนกัน ผมก็อยากให้มีอยู่ต่อไป แต่เชื่อว่าหลังปี 2572 ทีวีจะหายไปหลายช่อง แต่จะเปลี่ยนรูปแบบการนำเสนอที่เลือกให้เหมาะกับธุรกิจของตัวเองส่วนจะมีการประมูลใหม่หรือไม่ ถ้าไม่ได้แก้กฏหมาย ก็ต้องประมูลทีวีดิจิทัลใหม่ เพราะจะไปทำสิ่งที่ค้านกฏหมายไม่ได้

ส่วนถ้าเปิดประมูลจะมีคนสนใจหรือไม่นั้น หากมองย้อนไปปี 2554 การเปิดประมูลทีวีดิจิทัลครั้งแรกมีคนสนใจจำนวนมาก ยุคนั้นใครเป็นเจ้าของทีวีรวยแน่ๆ แต่ผ่านไป 2 ปีมีการขอคืนคลื่น กสทช.ได้เงินเงินจากประมูล 5 หมื่นล้านบาท แต่ต้องนำไปใช้เยียวยา 2 หมื่นล้านบาท  ลงทุนซื้อกล่องรับสัญญาณเป็นพันล้านบาท ตอนเปลี่ยนระบบ จนปัจจุบันเหลือทีวีอยู่ 9 ช่องจาก 21 ช่อง ต่อไปยังไม่รู้ว่าเหลือเท่าไหร่  ขณะนี้ยังไม่ตกผลึกในรายละเอียดว่าจะเปิดประมูลแบบไหน ต้องคุยกับแบบปีต่อปี  ซึ่งปี 70 คงมาคุยกันให้ชัดอีกครั้ง เพราะเทคโนโลยีเปลี่ยนเร็วมาก พูดตอนนี้เร็วเกินไป”

อย่างไรก็ตามบทบาทของกสทช.ในการกำกับกิจการโครงข่ายโทรคมนาคมที่ผ่านมามีเครื่องมือที่ช่วยผลักดันให้เกิดผลเป็นรูปธรรมหลายรูปแบบ  ทั้งความร่วมมือระหว่างประเทศ ปัจจุบันกสทช.เป็นสมาชิกของสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU) และที่ผ่านมาก็ทำงานร่วมกันในเรื่องการกำหนดมาตฐานคลื่นความถี่ชายขอบ ซึ่งพยายามไม่ให้คลื่นไปรบกวนประเทศเพื่อนบ้าน

ขณะเดียวกันก็ต้องแน่ใจว่าไม่นำคลื่นไปใช้ในแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่สร้างความเสียหาย ต้องยอมรับว่ารูปแบบอาญชกรรมเปลี่ยนรูปแบบตลอดเวลา ซึ่งต้องได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายตั้งแต่ หน่วยงานโทรคมนาคม สถาบันการเงิน  ตำรวจ อีกหลายๆองค์กร  ทางกสทช.ดูแลในเรื่องสัญญาณอินเตอร์เน็ตสามารถตัดอินเตอร์เน็ตได้แต่ก็ต้องระวังว่าจะไปกระทบกับกลุ่มคนดีที่ใช้บริการอยู่ด้วย

นอกจากนี้นโยบายที่อยากเห็นในอนาคตมากขึ้น คือ Mobile Virtual Network Operator  ( MVNO ) หรือผู้ให้บริการเครือข่ายเสมือนเคลื่อนที่ ซึ่งสามารถเช่าใช้โครงข่ายของผู้ให้บริการเครือข่ายหลัก  เช่น AIS,ทรู เพื่อนำมาให้บริการแก่ลูกค้าของตัวเอง หรือคนกลุ่มหนึ่งเอาไปใช้ประโยชน์ได้ ชาวนา ชาวไร่  ซื้อเหมาแล้วมาขายให้กับสมาชิก เช่น โรงพยาบาล เปิดบริการ Medical Hub รองรับชาวต่างชาติ ก็สามารถใช้ MVNO ในการติดต่อสื่อสารกันได้ แม้กระทั่งทีมฟุตบอล มีฐานแฟนคลับก็ให้บริการกลุ่มได้ เป็นฟุตบอลคลับ 

ปัญหาสายสื่อสารทัศนอุจาดกว่า 30 ปี

สำหรับการแก้ปัญหาสายสื่อสารที่พาดเสาไฟฟ้าจนเป็นทัศนะอุจาด สะสมมา 30 ปีแล้ว ต้นเรื่องเกิดจาก เคเบิ้ลทีวีในยุคแรกมาขอพาดสายบนเสาไฟฟ้า เมื่อเลิกกิจการไปก็ไมได้เอาออกสะสมเป็นดินพอกหางหมู  เรียกว่ามีเกือบทุกตรอกซอกซอย  และเป็นอันตรายได้หากเกิดไฟฟ้าช็อตไฟ

ก่อนหน้านี้รัฐบาลมีมีมติให้จัดระเบียบสายสื่อสารบางเส้นทางในกรุงเทพเริ่มตั้งแต่ ช่วงจัดประชุมเอเปค ทางกสทช.กำหนดงบในการใช้ไว้ 700 ล้านบาท  แต่ยังติดปัญหาความล่าช้า เพราะไม่มีราคากลาง  ซึ่งการแก้ปัญหาสายสื่อสารควรต้องมีหน่วยงานที่เป็นเจ้าภาพหลัก มาบูรณาการร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ ในทางปฏิบัติควรใช้วิธีติดตั้งสายสื่อสารใหม่ทั้งหมด หลังจากนั้นจึงค่อยรื้อสายสื่อสารเก่าที่พาดเสาไฟฟ้าอยู่ออก น่าจะเป็นแนวทางที่ทำได้เร็วที่สุด

ผลักดัน USO ลดความเหลื่อมล้ำบริการโทรคมนาคม

ในช่วงที่ผ่านมกสทช.จัดให้มีบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึงและบริการเพื่อสังคม (Universal Service Obligation) เรียกโดยย่อว่า USO  หรือศูนย์อินเตอร์เน็ตสาธารณะ ซึ่งมีทั้งโครงการให้บริการแบบทั่วไปเพื่อประโยชน์สาธารณะ โดยรัฐบาลมีเป้าหมายให้บริการอินเตอร์เน็ต 7 หมื่นหมู่บ้าน  

ทางกสทช.ดำเนินการไป 2 หมื่นหมู่บ้าน  ส่วนอีก 4 หมื่นหมู่บ้านทางกระทรวงดีอีรับผิดชอบในอนาคตพยายามจะนำ USO มาใช้ให้มากขึ้นทำให้เกิด connectivity  อย่างกรณีห้องสมุดคอมพิวเตอร์เมื่อมีอินเตอร์เน็ตเข้าถึงก็เป็นสถานที่ที่คนไปใช้สามารถใช้ติดต่อกับหน่วยงานรัฐได้  หรือสร้างธุรกิจอีคอมเมิร์ช ช่วง10 ปีที่ผ่านมา กสทช.พยายามจัดสรรให้มีอินเตอร์เน็ตกระจายไปทุกพื้นที่

นอกจากนี้ในพื้นที่ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล(รพสต.)มีจุดบริการอินเตอร์เน็ต ซึ่งจะช่วยตอบสนองนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่  ปีนี้ตั้งเป้าหมายจะเพิ่มจุดอินเตอร์เน็ตในรพสต.อีก 3,000แห่ง

 

 

TAGS: #ประธานกสทช. #โทรคมนาคม #6G #ทีวีดิจิทัล #USO