ปธ.กมธ.อุตสาหกรรม จี้รัฐส่งเสริมอุตสาหกรรมดัดแปลงรถจากระบบสันดาปเป็นระบบ EV ชี้ จัดการปัญหาฝุ่น PM2.5 แบบยั่งยืน

นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดราชบุรี เขต 4 พรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรม ได้แถลงผลการประชุมคณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรม ในประเด็นเกี่ยวกับการส่งเสริมการดัดแปลงรถยนต์จากระบบสันดาปเป็นระบบไฟฟ้า(EV) ว่า

อย่างที่ทราบกันดีว่าปัญหา PM2.5 เป็นหนึ่งในวาระเร่งด่วนของสังคมไทย ซึ่งจากผลการศึกษาถึงแหกล่งต้นตอปัญหา PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลพบว่ามากกว่าร้อยละ 70 ของ PM2.5 มีที่มาจากระบบขนส่งทั้งหมด โดยเฉพาะจากการขนส่งในระบบสันดาป

ทางคณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรม ตระหนักดีว่าการแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 จะต้องแก้ไขปัญหาที่ต้นทาง โดยการลดฝุ่นที่มาจากระบบขนส่ง ผ่านการส่งเสริมให้มีการใช้ยานยนต์ระบบไฟฟ้า หรือ EV โดยในวันนี้ได้มีการเชิญตัวแทนหลายหน่วยงานมาให้ข้อมูล ได้แก่ กรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม, กรมสรรพสามิต กระทรวงการคลัง และสำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรม(สมอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับการส่งเสริมให้มีการดัดแปลงรถยนต์จากระบบสันดาปเป็นระบบ EV

จากข้อมูลทั้งหมดทางคณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรมขอส่งข้อเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการส่งเสริมให้มีการดัดแปลงรถยนต์จากระบบสันดาปเป็นระบบไฟฟ้า ดังต่อไปนี้

1. ให้กรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม ดำเนินการแก้ไขระเบียบและข้อปฏิบัติสำหรับการจดทะเบียนรถยนต์ซึ่งดัดแปลงจากระบบสันดาปเป็นระบบ EV ให้สะดวก และรวดเร็วมากยิ่งขึ้น

2. ให้รัฐบาลดำเนินการลดหรืองดเว้นภาษีสรรพสามิตสำหรับการดัดแปลงรถจากระบบสันดาปเป็นระบบไฟฟ้า จากเดิมมีการจัดเก็บภาษี 2%

3. ให้รัฐบาลดำเนินการลดหรือเว้นการจัดเก็บภาษีศุลกากรขาเข้าสำหรับการนำเข้าชุดอุปกรณ์สำหรับการดัดแปลงรถยนต์จากระบบสันดาปเป็นระบบ EV จากเดิมมีการจัดเก็บภาษีนำเข้าสูงถึง 35% ซึ่งสูงมากเมื่อเปรียบเทียบกับการนำเข้ารถยนต์ EV ทั้งคันที่ได้รับการยกเว้นภาษีทั้งหมด 

ทางคณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรมจึงเรียกร้องไปยังรัฐบาลให้ดำเนินการส่งเสริมให้มีการดัดแปลงรถยนต์จากระบบสันดาปเป็นระบบ EV ทั้งระบบตามข้อเสนอ เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 จากต้นทาง

นอกจากนี้แล้วการส่งเสริมให้มีการใช้รถยนต์ในระบบ EV ยังมีความยั่งยืน มากกว่าการอุดหนุน-ส่งเสริมให้ประชาชนใช้ระบบขนส่งสาธาณณะซึ่งเป็นมาตรการระยะสั้น ตนจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าข้อเรียกร้องจากทางคณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรมนั้น รัฐบาลจะรับไปปฏิบัติเพื่อให้เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว เพื่อแก้ไขปัญหา PM2.5 อย่างยั่งยืน