“อมรเทพ จาวะลา” ชี้ 3 ปัจจัยสำคัญ ถีบราคาทองปรับขึ้นแรง พิษสงครามการค้า แนวโน้มเงินเฟ้อสูงรองใหม่ และธนาคารกลางตุนทอง
นายอมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสำนักวิจัย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า ราคาทองขึ้นมาแรงมาจาก 3 ปัจจัย
1. สงครามการค้าเริ่มรุนแรงหลังทรัมป์จะเก็บภาษีเหล็กและอลูมิเนียม และอาจเพิ่มเติมในสินค้าที่เกี่ยวเนื่องเช่น รถยนต์ หรือเซมิคอนดักเตอร์ และอาจมีการตอบโต้จากประเทศอื่น ซึ่งบรรยากาศการค้าที่ไม่แน่นอนสนับสนุนการถือทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
2. ห่วงเงินเฟ้ออีกรอบ โดยเฉพาะหลังตัวเลขการว่างงานเดือนมกราคมลดลงสู่ระดับ 4% จาก 4.1% ในเดือนก่อนหน้าและโดยเฉพาะค่าจ้างเฉลี่ยรายชั่วโมงที่ขยับขึ้น 4.2%จากปีก่อนจาก 4.1% ซึ่งค่าจ้างที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจะทำให้ราคาสินค้าและบริการในสหรัฐขยับสูงต่อเนื่อง จนเฟดอาจลดดอกเบี้ยเพียงครั้งเดียวในปีนี้แทนที่จะเป็นสองครั้งอย่างที่เคยคาดกัน ซึ่งการถือทองคำไว้จะช่วยป้องกันความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อได้บ้าง จึงมีความต้องการทองคำมากขึ้นในช่วงนี้
3. เริ่มมีข่าวว่าธนาคารกลางในหลายประเทศ โดยเฉพาะจีนเริ่มสะสมทองคำมากขึ้น อาจด้วยความกังวลในการถือสกุลเงินอื่น หรือการลดการพึ่งพิงดอลลาร์สหรัฐ และหากความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและจีนรวมทั้งชาติอื่นๆ ลากยาว ก็อาจทำให้ธนาคารกลางต่างๆ สะสมทองคำเพิ่มเติมในทุนสำรองระหว่างประเทศ
“ผมมองว่ามีข่าวลบและความผันผวนในตลาดการเงินสูงช่วงนี้ ทำให้มีอุปสงค์ทองคำมากขึ้น ราคาทองคำอาจแตะระดับ 3,000 ดอลลาร์ และยิ่งบาทอ่อนเทียบดอลลาร์สหรัฐ ราคาทองคำในประเทศก็ยังขยับขึ้นต่อเนื่องได้ แต่ก็ต้แงเตือนว่า แม้แนวโน้มราคาทองคำยังเป็นขาขึ้นจากความผันผวนในตลาดการเงินโลก แต่ในบางช่วง ราคาทองคำอาจปรับตัวย่อลงได้หากข่าวลบคลี่คลายหรือทรัมป์มีการเจรจาต่อรองกับประเทศคู่ค้าให้นำเข้าสินค้าจากสหรัฐแลกการเก็บภาษี ซึ่งข่าวดีนี้อาจเป็นข่าวลบสำหรับทองคำได้ นักลงทุนจึงระวังไม่เก็งกำไรมากเกินไป และมองการลงทุนทองคำเป็นการลงทุนระยะยาว” นายอมรเทพ กล่าว