ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 33.68 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น”

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 33.68 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น”
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 33.68 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น” หลังจากค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง เนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวลสงครามการค้าทรัมป์ ได้ระดับหนึ่ง

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่าค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ  33.68 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น”จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ  33.80 บาทต่อดอลลาร์

โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนวันที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) ทยอยแข็งค่าขึ้น ในลักษณะ Sideways Down (แกว่งตัวในกรอบ 33.61-33.94 บาทต่อดอลลาร์) แม้เงินบาทจะมีจังหวะอ่อนค่าลงบ้าง ทดสอบโซน 33.90 บาทต่อดอลลาร์ ทว่า เงินบาทก็ทยอยพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง ตามการพลิกกลับมาอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ หลังผู้เล่นในตลาดทยอยคลายกังวลต่อแนวโน้มการดำเนินนโยบายกีดกันทางการค้าของรัฐบาล Trump 2.0 อย่างการขึ้นภาษีนำเข้าตอบโต้ หรือ Reciprocal Tariffs ที่อาจจะยังไม่ได้เริ่มดำเนินการขึ้นภาษีนำเข้าดังกล่าวในทันที จนกว่าจะถึงช่วงเดือนเมษายน ที่ผลการศึกษาของทางการสหรัฐฯ ในประเด็นดังกล่าวจะเสร็จสิ้นเรียบร้อย

นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ยังเผชิญแรงกดดันเพิ่มเติมจากการทยอยแข็งค่าขึ้นของบรรดาสกุลเงินฝั่งยุโรป อาทิ เงินยูโร (EUR) ท่ามกลางความหวังว่า สงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยืดเยื้อ อาจจบลงได้ในปีนี้ ขณะเดียวกัน การทยอยอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ ยังได้ช่วยหนุนให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น เปิดโอกาสให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนทยอยขายทำกำไรทองคำออกมาบ้าง และโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนหนุนการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทเช่นกัน

สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท ธนาคารยอมรับว่า แนวโน้มการทยอยแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องของเงินบาทในช่วงตั้งแต่วันที่ 12 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมานั้น ทำให้ ธนาคารปรับมุมมองระยะสั้นใหม่ว่า เงินบาทอาจยังไม่สามารถกลับมาอ่อนค่าลงต่อเนื่องได้ชัดเจน และมีโอกาสที่เงินบาทอาจแกว่งตัวในกรอบ Sideways ไปก่อนได้ จนกว่าจะเห็นการกลับมาอ่อนค่าลงของเงินบาท จนทะลุโซนแนวต้าน 34.00-34.10 บาทต่อดอลลาร์ ได้อีกครั้ง

นอกจากนี้ ธนาคารประเมินว่า ในช่วงนี้ ควรจับตาการเคลื่อนไหวของเงินบาทว่าจะสามารถแข็งค่าทะลุโซนแนวรับ 33.50 บาทต่อดอลลาร์ ได้หรือไม่ เพราะการแข็งค่าขึ้นผ่านโซนดังกล่าว อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนที่มีสถานะ Short THB (มองเงินบาทอ่อนค่าลง) ต้องปรับลดสถานะดังกล่าว หรือ Cover Short ซึ่งอาจช่วยหนุนการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทได้ และหากประเมินตามกลยุทธ์ Trend Following การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทดังกล่าว จะสะท้อนว่า แนวโน้มการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทอาจยังดำเนินต่อไปได้ ซึ่งจะมีโซนแนวรับถัดไปในช่วง 33.30 บาทต่อดอลลาร์ 

อย่างไรก็ดี ธนาคารคงมุมมองเดิมว่า เงินบาทได้แรงหนุนฝั่งแข็งค่าจากการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำพอสมควรในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ต้องระวังและติดตามทิศทางการเคลื่อนไหวของราคาทองคำอย่างใกล้ชิด โดยต้องติดตามประเด็นความกังวลในตลาดการเงิน เช่น แนวโน้มการดำเนินนโยบายกีดกันทางการค้าของรัฐบาลสหรัฐฯ รวมถึงพัฒนาการของปัจจัยเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะประเด็น สงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่อาจกระทบต่อแนวโน้มราคาทองคำได้

อนึ่ง ธนาคารแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ อย่าง ยอดค้าปลีก (Retail Sales) ในช่วงราว 20.30 น. ตามเวลาประเทศไทย เนื่องจากสถิติในรอบ 1 ปี ที่ผ่านมา สะท้อนว่า เงินบาทอาจแกว่งตัว +0.30%/-0.20% ได้ภายในช่วง 30 นาที หลังรับรู้รายงานข้อมูลดังกล่าว 

ท่ามกลางความผันผวนในตลาดการเงินที่ยังอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะในช่วงปีหน้าที่จะเผชิญกับ Trump’s Uncertainty ทำให้เรายังคงแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ในการปิดความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งการใช้เครื่องมือเช่น Options หรือ สกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนได้

ธนาคารมองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.55-33.85 บาท/ดอลลาร์ (ระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ)

TAGS: #ค่าเงินบาท #เงินบาท #ดอลลาร์