ส.อ.ท.เปิดตัวเลขส่งออกรถยนต์เดือนแรกร่วงต่ำสุดรอบ 33 เดือน

ส.อ.ท.เปิดตัวเลขส่งออกรถยนต์เดือนแรกร่วงต่ำสุดรอบ 33 เดือน
ส.อ.ท.จี้รัฐเร่งคลอดแพจเกจอุ้มซื้อรถกระบะภายใน 2 เดือน หวั่นลามกระทบภาพรวมเศรษฐกิจหลังมีสัญญาณแรงงานภาคยานยนต์รายได้ลดลงงดการใช้จ่าย ส่อกดจีดีพีไม่โตตามเป้า

 

นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์  ที่ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงสถานการณ์ยานยนต์ในประเทศเดือนม.ค. 2568 ว่าการผลิตรถยนต์ทั้งหมด มีจำนวน 107,103 คัน ลดลง ร้อยละ 24.63 เทียบกับปีก่อน ซึ่งเป็นการลดลงทั้งรถเครื่องยนต์สันดาปและรถยนต์ไฟฟ้า(EV)เนื่องจากผลิตขายในประเทศลดลงร้อยละ 31.78 ตามยอดขายที่ลดลง และผลิตส่งออกลดลงร้อยละ 21.10 ตามยอดส่งออกที่ลดลง

ทั้งนี้การผลิตเพื่อส่งออก ผลิตได้ 75,044 คัน เท่ากับร้อยละ 70.07 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนมกราคม 2567 ร้อยละ 21.10  โดยรถยนต์นั่งผลิตเพื่อการส่งออก 13,954 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม 2567 ร้อยละ 49.42  และรถกระบะขนาด 1 ตัน เดือนมกราคม 2568 มียอดการผลิตเพื่อการส่งออก 61,090 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม 2567 ร้อยละ 9.52

ส่วนการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ ผลิตได้ 32,059 คัน เท่ากับร้อยละ 29.93 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนมกราคม 2567 ร้อยละ 31.78  โดยเป็นรถยนต์นั่งผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 21,760 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม 2567 ร้อยละ 12.68  และรถกระบะขนาด 1 ตัน ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 9,514 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม 2567 ร้อยละ 50.62 ด้านรถจักรยานยนต์ผลิตได้ทั้งสิ้น 214,071 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม 2567 ร้อยละ 4.68 

สำหรับยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือนมกราคม 2568 มีจำนวนทั้งสิ้น 48,092 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม 2567 ร้อยละ 12.26 เป็นผลจากความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินเนื่องจากกังวลปัญหาหนี้ครัวเรือนสูงและเศรษฐกิจในประเทศปี 2567 ขยายตัวในอัตราต่ำที่ร้อยละ 2.5 ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมยังคงลดลงโดยเฉพาะผลผลิตยานยนต์ที่มีอุตสาหกรรมต่อเนื่องมากลดลง แรงงานจำนวนมากมีรายได้ลดลง ทำให้ใช้จ่ายลดลง ส่งผลให้เศรษฐกิจขยายตัวในอัตราต่ำ

อย่างไรก็ตามขอให้รัฐบาลเร่งออกมาตรการช่วยเหลือค้ำประกันการปล่อยสินเชื่อซื้อรถกระบะให้เร็วขึ้นจาก 4 เดือนเป็น2 เดือนเพื่อให้ภาคอุตสาหกรรมผลิตมากขึ้น จ้างงานมากขึ้น ใช้จ่ายมากขึ้น เศรษฐกิจขยายตัวในอัตราสูงขึ้นซึ่งจะสร้างบรรยากาศการลงทุนให้เร็วขึ้นตามความประสงค์ของนายกรัฐมนตรี

สำหรับยอดขายรถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ มีจำนวน 30,610 คัน เท่ากับร้อยละ 63.65 ของยอดขายทั้งหมด ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 10.92  ส่วนรถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์สันดาปภายใน (ICE) 12,010 คัน เท่ากับร้อยละ 24.97 ของยอดขายทั้งหมด ลดลงจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วที่ร้อยละ 16.44

ขณะที่รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้า (BEV) 7,022 คัน เท่ากับร้อยละ 14.60 ของยอดขายทั้งหมด ลดลงจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วที่ร้อยละ 28.08  รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้าผสมแบบเสียบปลั๊ก (PHEV) 965 คัน เท่ากับร้อยละ 2.01 ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 884.69  รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้าผสม (HEV) 10,613 คัน เท่ากับร้อยละ 22.07 ของยอดขายทั้งหมด ลดลงจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 4.77 และรถกระบะมีจำนวน 12,261 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 17.51 รถ PPV มีจำนวน 3,102 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 0.91

สำหรับการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป มีจำนวน 62,321 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม 2567 ร้อยละ 28.13 จากความกังวลเรื่องสงครามการค้าที่สหรัฐอเมริกาขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ จึงต้องติดตามกันต่อไปว่าจะมีการตอบโต้มากน้อยเพียงใด รวมทั้งการส่งออกของรถยนต์ไฟฟ้าจีนราคาถูกมาแข่งขันมากขึ้นในประเทศคู่ค้า และรถยนต์ส่งออกบางรุ่นกำลังจะเปลี่ยนเป็นรุ่นใหม่ และจากเดือนธันวาคมมีวันหยุดมาก บางบริษัทเปิดทำการช้าในเดือนมกราคม จึงผลิตได้น้อย ทำให้เดือนมกราคมมีรถส่งออกได้น้อยตลาดออสเตรเลียตะวันออกกลาง ยุโรป อเมริกากลางและอเมริกาใต้

ทั้งนี้ประเภทรถยนต์ส่งออกเดือนมกราคม 2568 แบ่งเป็น ดังนี้ รถกระบะ 38,491 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 61.76 ของการส่งออกทั้งหมด ลดลง ร้อยละ 25.40 รถยนต์นั่ง ICE 13,151 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 21.10 ของการส่งออกทั้งหมด ลดลง ร้อยละ 33.80  รถยนต์นั่ง HEV 2,477 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 3.97 ของการส่งออกทั้งหมด ลดลง ร้อยละ 49.99  รถ PPV 8,202 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 13.16 ของการส่งออกทั้งหมด ลดลง ร้อยละ  20.38  โดยมีมูลค่าการส่งออกรถยนต์ 41,445.30 ล้านบาท ลดลงจากเดือนมกราคม 2567 ร้อยละ 31.57

นายสุรพงษ์ กล่าวถึง ยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท BEV เดือนมกราคม 2568 มีจำนวน 14,711 คัน ลดลงจากเดือนมกราคมปีที่แล้วร้อยละ 7.73 โดยแบ่งเป็นรถยนต์นั่งและรถยนต์ประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 12,397 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม 2567 ร้อยละ 8.67

สำหรับยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท HEV หรือไฮบริด เดือนมกราคม 2568 มีจำนวน 13,545 คัน ลดลงจากเดือนมกราคมปีที่แล้วร้อยละ 4.23  ส่วนยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท PHEV มียอดจดทะเบียนใหม่จำนวน 1,074 คัน ลดลงจากเดือนมกราคมปีที่แล้วร้อยละ 14.26  ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท BEV มีจำนวนทั้งสิ้น 242,076 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 63.85

อย่างไรก็ตามยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท HEV ณ วันที่ 31 มกราคม 2568 มีจำนวนทั้งสิ้น 482,899 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 35.02  และยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท PHEV มีจำนวนทั้งสิ้น 64,246 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 17.01

TAGS: #ส.อ.ท. #รถกระบะ #EV #ยอดขายรถยนต์