AWC ลุยปี68 กับแผนสร้างกระแสเงินสดผ่านเปิดตัว 9 โครงการไฮไลท์มูลค่าลงทุนรวมกว่า 2.2 หมื่นล.บาท หลังซื้อ ซื้อสวิสโซเทลฯ ปรับโฉมใหม่เป็นโครงการ Jubilee Prestige Tower มิกซ์ยูสหรูใจกลางรัชดาภิเษก
วัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์โรงแรม, อาคารสำนักงาน, ค้าปลีก เปิดเผยว่า บริษัทวางแผนยุทธศาสตร์ 5 ปี (2568-2572) ภายใต้แนวติด ‘Building a Better Future’ โดยตั้ง 3 เป้าหมายสำคัญ คือ
- เพิ่มมูลค่าทรัพย์สินดำเนินงาน 2 เท่า สู่ระดับ 300,000 ล้านบาท พร้อมขยายห้องพักรวมสู่ 12,000 ห้อง
- สร้างผลตอบแทนจากส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) มากกว่า 15% จากการเร่งผลักดันศักยภาพของทรัพย์สินที่อยู่ในช่วงดำเนินงานเริ่มต้น (Ramp Up) ให้เข้าสู่ระดับการดำเนินงานปกติ (BAU)
- มุ่งเติบเติบโตก้าวกระโดดต่อเนื่อง ในฐานะบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่เน้นสร้างจุดหมายปลายทางยั่งยืนระดับโลก ด้วยโครงการคุณภาพระดับแลนด์มาร์ก พร้อมร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลก และยกระดับมาตรฐานการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์สู่ระดับสากล
วัลลภา กล่าวต่อแนวทางการดำเนินธุรกิจในปี 2568 จะใช้กลยุทธ์เสริมพอร์ตธุรกิจโรงแรมและคอมเมอร์เชียลด้วย 9 โครงการไฮไลท์ พร้อมลงทุนกว่า 22,000 ล้านบาท นำโดยโครงการใหม่ Jubilee Prestige Tower มูลค่า 8,704 ล้านบาทย่านรัชดาภิเษก หลังเข้าลงทุนใน บริษัท เลอ คองคอร์ด โฮเต็ล จำกัด ซึ่งครอบคลุม อาคารสำนักงานขนาด 45,792 ตารางเมตร และโรงแรมขนาด 407 ห้อง ใจกลางพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญถนนรัชดาภิเษก
“การเข้าลงทุนฯครั้งนี้จะช่วยสร้างกระแสเงินสดได้อย่างทันทีให้กับบริษัท โดย AWC มีแผนพัฒนาโครงการภายใต้ชื่อ Jubilee Prestige Tower ให้เป็นอาคารสำนักงานไลฟ์สไตล์รูปแบบใหม่ และโรงแรมหรูภายใต้แบรนด์ JW Marriott ที่บริหารงานโดยแมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล เครือโรงแรมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกซึ่งเป็นโครงการ โดยมีแผนพัฒนาให้เป็นโมเดล AWC’s Lifestyle Destination ผสมผสาน Wellness และประสบการณ์แบบ Luxury Bleisure พิเศษครั้งแรกของประเทศ พร้อมเปิดดำเนินการได้เต็มรูปแบบภายในปี 2571” วัลลภา กล่าว
โดยในปีนี้ AWC ยังมุ่งสร้างการเติบโตกระแสเงินสดอย่างแข็งแกร่งต่อเนื่อง พร้อมเสริมศักยภาพจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวริมทะเลที่เชื่อมโยงกับกรุงเทพฯ ที่โรงแรม มีเลีย พัทยา โฮเต็ล ประเทศไทย โครงการแรกของ AWC ในพัทยาซึ่งเปิดให้บริการแล้วในเดือนมกราคม 2568 เพื่อเสริมศักยภาพพอร์ตโฟลิโอและขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ต่อเนื่องถึงแผนการเปิดโรงแรม พัทยา แมริออท รีสอร์ต แอนด์ สปา โรงแรม แฟร์มอนท์ แบงคอก สุขุมวิท โครงการ The Empire Wellness ณ อาคาร ‘เอ็มไพร์’ โครงการ ลานนาทีค เดสทิเนชั่น เฟส 1 ณ จังหวัดเชียงใหม่ และการเปิดตัวโครงการ Jurassic World: The Experience ณ โครงการเอเชียทีค เดอะริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น
สำหรับผลดำเนินการในปี 2567 บริษัทเติบโตก้าวกระโดด พร้อมสร้างสถิติใหม่ด้วย 5 นิวไฮ สูงสุดในรอบ 5 ปี นับตั้งแต่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ จากการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพและกลยุทธ์การลงทุนที่แข็งแกร่งดังนี้
- กำไรสุทธิ 5,850 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 14.6 เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน (YoY)
- กำไรจากการดำเนินงานกลุ่มธุรกิจ (BU EBITDA) 11,965 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 11.9 (YoY)
- รายได้เฉลี่ยต่อวัน (Average Daily Rate: ADR) 5,873 บาทต่อคืน เติบโตร้อยละ 8 (YoY)
- รายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก (RevPAR) 4,200 บาทต่อคืน เติบโตร้อยละ 18 (YoY) สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาด
- อัตราผลตอบแทนกำไรจากการดำเนินงานต่อทรัพย์สินถาวร (EBITDA Yield) ของทรัพย์สินดำเนินงานเติบโตสู่ร้อยละ 10.1 โดยมีมูลค่าทรัพย์สินถาวรรวมเติบโตเท่าตัวภายใน 5 ปี สู่มูลค่า 198,726 ล้านบาท
วัลลภา กล่าวว่า แม้เศรษฐกิจไทยยังคงเผชิญกับความท้าทาย แต่ AWC สามารถสร้างการเติบโตอย่างโดดเด่นด้วยกลยุทธ์ GROWTH-LED Strategy ที่เน้นสร้างกระแสเงินสดอย่างแข็งแกร่ง มีรายได้รวมปี 2567 อยู่ที่ 21,011 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 10.5 (YoY) จากการเติบโตของทุกกลุ่มธุรกิจ
กลุ่มธุรกิจโรงแรม
กลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการสร้างกระแสเงินสดแข็งแกร่ง โดยมีกำไรจากการดำเนินงาน (EBITDA) ของกลุ่มธุรกิจก้าวกระโดดถึงร้อยละ 31 (YoY) มีอัตราการเข้าพักตลอดปี 2567 เฉลี่ยร้อยละ 72 เติบโตร้อยละ 7 (YoY) สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาด และมีรายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก (RevPAR) ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องสู่ระดับ 4,200 บาทต่อคืน เติบโตร้อยละ 14.8 (YoY) สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาด จากความสามารถในการดึงดูดนักท่องเที่ยวคุณภาพสูงกว่า 650 ล้านคนทั่วโลกผ่านเครือข่ายพันธมิตรระดับโลก
ส่งผลให้โรงแรมของ AWC มีดัชนีการสร้างรายได้ (Revenue Generation Index หรือ RGI) สูงกว่าค่าเฉลี่ยตลาดเมื่อเทียบกับโรงแรมในกลุ่มเดียวกันที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง อาทิ โรงแรม คอร์ทยาร์ด แมริออท ภูเก็ต ทาวน์ ที่ได้รับความนิยมในกลุ่มนักท่องเที่ยว RGI เท่ากับ 195 โรงแรม แบงค็อก แมริออท เดอะ สุรวงศ์ ที่ได้รับความนิยมในกลุ่มประชุมสัมมนา RGI เท่ากับ 170 และโรงแรมเลอ เมอริเดียน กรุงเทพ ที่ได้รับความนิยมในกลุ่มนักท่องเที่ยวในกรุงเทพฯ RGI เท่ากับ 147 พร้อมเปิดห้องอาหารชั้น 8 แห่งในกรุงเทพฯ และเชียงใหม่ นำด้วยความพิเศษใหม่ของ F&B Rooftop Destination ที่สูงที่สุดของกรุงเทพฯ ด้วยห้องอาหาร Nobu ที่สูงที่สุดในโลก รวมถึงครั้งแรกของห้องอาหารไทยโดยเชฟมิชลินสตาร์บนรูฟทอปที่ใหญ่และสูงที่สุดแห่งแรกของโลกที่ร้าน Le Du Kaan ต่อด้วยความพิเศษของอาหารจีนร่วมสมัยจากเชฟระดับมิชลินสตาร์ที่ร้าน K by Vicky Cheng และห้องอาหารอิตาเลียน Sartoria by Paulo Airaudo โดยเชฟมิชลินสองดาว รวมถึงห้องอาหารที่โดดเด่นในโครงการต่าง ๆ ทั้งห้องอาหาร Hong’s Chinese Restaurant & Sky Bar ร้าน Cafe de Petal และ Teeshot Bar พร้อมส่งท้ายฉลองคริสต์มาสด้วยการเปิดตัว Okura Cruise เรือไคเซกิและเทปันยากิหรูลำแรกของโลก ภายใต้โครงการ “AWC River Journey Project” เพื่อมอบประสบการณ์ห้องอาหารระดับไฟน์ไดนิ่งบนสายน้ำเจ้าพระยา
กลุ่มธุรกิจคอมเมอร์เชียล
กลุ่มธุรกิจคอมเมอร์เชียลของ AWC ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งในทุกเซ็กเมนต์ โดยในปี 2567 มีกำไรจากการดำเนินงาน (EBITDA) ของกลุ่มธุรกิจเติบโตร้อยละ 12 (YoY) สร้างกระแสเงินสดที่มั่นคงให้กับบริษัท พร้อมมียอดการปล่อยพื้นที่เช่าใหม่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมามากกว่า 34,000 ตารางเมตร เพิ่มขึ้นร้อยละ 15 (YoY) ตอกย้ำศักยภาพการพัฒนาทรัพย์สินและกลยุทธ์การตลาดที่มีประสิทธิภาพ
โดยบริษัทเดินหน้ายกระดับธุรกิจคอมเมอร์เชียลให้เป็นศูนย์กลางแห่งไลฟ์สไตล์และการทำงานที่ทันสมัย ขยายพอร์ตโฟลิโอให้เติบโตอย่างยั่งยืน อาทิ อาคาร ‘เอ็มไพร์’ เปิด Co-Living Collective: Empower Future ที่ The Empire Residence ประสบการณ์ครั้งแรกของโลกที่ผู้เช่าสำนักงานสามารถมีพื้นที่นั่งเล่น ล็อกเกอร์รูม ห้องอาบน้ำ เกมส์รูม คิดส์รูม เพ็ทรูม และห้องประชุมเสริม โดยไม่มีค่าใช้จ่าย รวมถึงเปิดตัว ‘EA’ Rooftop at The Empire รูฟทอปที่ใหญ่และสูงที่สุดใจกลางกรุงเทพฯ เสริมประสบการณ์ไลฟ์สไตล์ระดับพรีเมียม
ส่วนธุรกิจศูนย์การค้ามีจำนวนผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะศูนย์การค้าเพื่อการท่องเที่ยว และคอมมูนิตี้ช็อปปิ้งมอลล์ โดยมุ่งเน้นการพัฒนา ‘Lifestyle Retail Destination’ เพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมของผู้บริโภคยุคใหม่ และยังเปิดตัวโครงการฟีนิกซ์ ศูนย์กลางด้านอาหารครบวงจรระดับโลก ใจกลางเมืองย่านประตูน้ำ พร้อมเตรียมเปิด Jurassic World: The Experience ด้วยประสบการณ์ความพิเศษแตกต่างจากสวนสนุกทั่วไป ณ โครงการเอเชียทีค เดอะริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น
นอกจากนี้ ยังเปิดตัวโมเดล AWC’s Lifestyle Destination ตามแผนระยะยาวกับโครงการระดับแลนด์มาร์ก ทั้ง โครงการเวิ้งนครเกษม เยาวราช โครงการเอเชียทีค โครงการอควาทีค ที่พัทยา และโครงการลานนาทีค เดสทิเนชั่น เฟส 1 ที่เชียงใหม่