ส.อ.ท.จับมือ สาธารณสุข ส่งเสริม 7 คลัสเตอร์อุตสาหกรรมสุขภาพ-ความงาม กระตุ้นการลงทุนสร้างมูลค่าเศรษฐกิจ 6.9 แสนล้านบาท
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข เปิดเผยภายหลังหารือร่วมกับนายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ถึงความร่วมมือแนวทางการขับเคลื่อนและส่งเสริมเศรษฐกิจสุขภาพของประเทศไทยว่า มีเป้าหมายร่วมกันส่งเสริมอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับคลัสเตอร์อุตสาหกรรมสุขภาพและความงาม เพื่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนในประเทศ โดยผลักดันผ่าน 7 นโยบายด้านเศรษฐกิจสุขภาพ เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 6.9 แสนล้านบาทในปี 2568 และมีผลต่อการเพิ่ม GDP ของประเทศ
ทั้งนี้ผลิตภัณฑ์สุขภาพที่มีนวัตกรรม คุณภาพ และประสิทธิภาพเป็นที่ยอมรับในระดับสากล จะช่วยเสริมพลังการขับเคลื่อนโยบายเศรษฐกิจสุขภาพได้เป็นอย่างดี โดยที่ผ่านมากระทรวงสาธารณสุข ได้รับฟังปัญหาและอุปสรรค ดำเนินการปรับปรุงกฎระเบียบในการขออนุมัติ อนุญาตด้านผลิตภัณฑ์ สถานที่ผลิต นำเข้า ขาย รวมทั้งการโฆษณา เพื่ออำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ รวมทั้งการปรับปรุงระบบการพิจารณาให้รวดเร็วมากขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้จากการที่ได้หารือร่วมกับ ส.อ.ท. ทางกระทรวงสาธารณสุข ได้กำหนดมาตรการสำคัญเพื่อส่งเสริมการผลิตภายในประเทศ เพิ่มความได้เปรียบทางการแข่งขัน เช่น การให้คำปรึกษาด้านกฎระเบียบ การฝึกอบรมพัฒนาผู้ประกอบการ การส่งเสริมให้บุคลากรในกระทรวงสาธารณสุขเชื่อมั่นและใช้ผลิตภัณฑ์สุขภาพนวัตกรรมที่ผลิตได้ในประเทศ โดยเฉพาะในสถานบริการของรัฐ และผลักดันให้ผลิตภัณฑ์สุขภาพนวัตกรรมที่ผลิตขึ้นในประเทศเข้าสู่ชุดสิทธิประโยชน์ภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และส่งเสริมกลไกของบัญชีนวัตกรรมเพื่อการจัดซื้อภาครัฐ
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า จากสถานการณ์เศรษฐกิจไทยในปัจจุบันที่เตรียมพร้อมยกระดับเข้าสู่อุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร และศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Medical Hub) ประกอบกับแนวโน้มกลุ่มนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่เข้ามารักษาในไทย และสถานการณ์ที่ไทยและต่างประเทศกำลังเผชิญกับสังคมผู้สูงอายุ ส่งผลให้เกิดกระแสที่ผู้บริโภคหันมาให้ความสนใจและดูแลสุขภาพมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ไทยยังมีแรงกดดันจากการแข่งขันรุนแรงในสินค้าประเภทเดียวกันกับประเทศคู่แข่งในภูมิภาค
ดังนั้นการส่งเสริมเศรษฐกิจโดยเน้นการผลิต การบริโภคภายในประเทศ จะเป็นแนวทางสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจไทย สามารถรอดพ้นจากสถานการณ์ดังกล่าวได้ สำหรับการหารือวันนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการดำเนินงานร่วมกัน เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะในสินค้าภายใต้คลัสเตอร์สุขภาพและความงาม
ทางส.อ.ท. ได้จัดตั้งคลัสเตอร์อุตสาหกรรมสุขภาพและความงาม ซึ่งประกอบด้วย 7 กลุ่มอุตสาหกรรม ได้แก่ ยา อาหารและเครื่องดื่ม ผู้ผลิตเครื่องมือแพทย์ สมุนไพร เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และเทคโนโลยีชีวภาพภายใต้ความร่วมมือระหว่าง ส.อ.ท. และกระทรวงสาธารณสุข ที่จะช่วยผลักดันการพัฒนาอุตสาหกรรมสุขภาพและความงามในเชิงนโยบายและภาคปฎิบัติ ซึ่งเรามีภารกิจสำคัญในการขับเคลื่อนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจสุขภาพในอาเซียน และจะเดินหน้าพัฒนาห่วงโซ่อุปทานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์สุขภาพ ตั้งแต่การพัฒนาด้านวัตถุดิบจนถึงผลิตภัณฑ์ เพื่อเพิ่มมูลค่าของสินค้าและยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการในอนาคตต่อไป
นายนาคาญ์ ทวิชาวัฒน์ ประธานคลัสเตอร์อุตสาหกรรมสุขภาพและความงาม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า คลัสเตอร์อุตสาหกรรมสุขภาพและความงาม มีการดำเนินงานร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขอย่างใกล้ชิดทั้งในเชิงกฎระเบียบและมาตรฐานการผลิต การพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการ การสนับสนุนงานวิจัยและนวัตกรรม และการส่งเสริมระบบสาธารณสุขของประเทศ เพื่อให้อุตสาหกรรมเติบโตอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน
ทั้งนี้จะขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมายผ่าน 4 นโยบายสำคัญ คือ 1.การสร้างความเข้มแข็งในเครือข่ายภาคอุตสาหกรรม 2.การยกระดับสู่อุตสาหกรรมใหม่ 3. การปรับปรุง แก้ไขกฎหมาย กฎระเบียบ เพื่ออำนวยความสะดวกในการดำเนินธุรกิจ 4.การเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของอุตสาหกรรมไทย
นอกจากนี้ ส.อ.ท. ยังมีการนำเสนอแนวทางความร่วมมือขับเคลื่อนและส่งเสริมเศรษฐกิจสุขภาพของประเทศไทย โดยจะร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุข แต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการระหว่างกระทรวงสาธารณสุข และ ส.อ.ท. เพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจอุตสาหกรรมและการลงทุนในประเทศ โดยมีรายละเอียดเพิ่มเติมดังนี้
1.การส่งเสริมนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจสุขภาพ เพื่อส่งเสริมประเทศไทยเป็น Medical & Wellness Hub พร้อมสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 6.9 แสนล้านบาท เพื่อหวังกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจและ GDP ของประเทศในปี 2568
2.การสร้างกลไกความร่วมมือในการขับเคลื่อนการดำเนินงาน ระหว่างภาครัฐและเอกชน แบ่งออกเป็น 3 ด้าน ได้แก่ พัฒนาผลิตภัณฑ์สุขภาพที่เป็นนวัตกรรม การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการ การส่งเสริมให้เกิดความเชื่อมั่นในคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่วิจัย พัฒนาขึ้นในประเทศและส่งเสริมให้มีการใช้มากขึ้น โดยเฉพาะการใช้ในสถานบริการของรัฐ และ3.แถลงข่าวดัชนีอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์สุขภาพ