‘ชาญอิสระ’ ปี68 เปิด 6 โครงการหรูกรุงเทพฯ-ภูเก็ต-หัวหิน1.6 หมื่นล. ขยายธุรกิจสุขภาพและความงามทำเวลเนส-สกินแคร์ BABA SKIN CLUB แบรนด์แรก ต่อยอดความครบกลุ่มฮอสพิทาลิตี

ธีราภรณ์ ศรีเจริญวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดอสังหาฯ ในปีนี้ ยังมีความท้าทายเดิมที่ต่อเนื่องจากในปีก่อน ทั้ง 1.กำลังซื้อชะลอตัวจากภาวะเศรษฐกิจส่งผลกระทบในเกือบทุกโครงการ  และ 2.ซัพพลายสินค้าเหลือในตลาดจำนวนมาก และ ทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาฯ ยังต้องแข่งขันพร้อมใช้กลยุทธ์ต่างๆเพื่อกระตุ้นยอดขาย

นอกจากนี้ ยังส่งผลถึงต้นทุนค่าใช้จ่ายการดำเนินการ (Overhead Cost) ในภาคอสังหาฯ มีแนวโน้มสูงขึ้น จากการขยายระยะเวลาในการทำงานหรือก่อสร้างโครงการที่ต้องเลื่อนออกไปจากแผนงานเดิมที่กำหนดไว้ ทั้งขั้นตอนทางกฎหมายการขอใบอนุญาตสิ่งแวดล้อม (EIA) ที่ปัจจุบันใช้เวลามากขึ้นด้วยต้องรับฟังการร้องเรียนของชุมชนโดยรอบพื้นที่แต่ละโครงการ เป็นต้น และยังรวมถึงราคาที่ดินที่มีแนวโน้มปรับตัวต่อเนื่อง เฉลี่ย 5-10% ต่อปี ซึ่งเป็นปัจจัยท้าทายของผู้ประกอบการอสังหาฯ ด้วยเช่นกัน

“อัตราการปฏิเสธสินเชื่อโครงการของบริษัทฯ ยังมีบางส่วน ซึ่งมากจากปัจจัยเศรษฐกิจข้างต้นด้วยสถาบันการเงินไม่มั่นใจสถานะองค์กรที่ลูกค้าทำงานอยู่ทำให้เกิดรีเจ็คชั่น” ธีราภรณ์ กล่าว

ขณะที่แผนธุรกิจบริษัทฯ ในปี 2568 บริษัทฯ ได้วางกลยุทธ์ดำเนินงานพร้อมปรับพอร์ตสินค้าให้สมดุลโดยยังมุ่งให้ความสำคัญในตลาดระดับบนซูเปอร์ลักซูรี่ ที่มีความพร้อมกำลังซื้อสูงทั้งในกลุ่มคนไทยและต่างชาติ ซึ่งกลุ่มหลังจะเป็นตลาดหลักในโครงการอสังหาฯของบริษัทในจังหวัดภูเก็ต ส่วนโครงการในทำเลชะอำ จังหวัดเพชรบุรี และ หัวหิน จังหวัดประจวบคิรีขันธ์ ยังเป็นกลุ่มคนไทย เป็นสัดส่วนหลัก

โดยปีนี้ จะเปิด 6 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 1.6 หมื่นล้านบาท ทั้งในกรุงเทพฯ และ ต่างจังหวัด และยังมุ่งทำตลาดสินค้าในสต็อกที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและสร้างเสร็จแล้ว โดยใช้กลยุทธ์การทำราคาที่จูงใจมากขึ้น

“เพื่อกระตุ้นการขายสินค้าในสต็อกที่สร้างเสร็จแล้วเพื่อเปลี่ยนมาเป็นเงินสด และสร้างสภาพคล่องซึ่งเป็นสิ่งสำคัญ” ธีราภรณ์ กล่าวพร้อมเสริมว่า “ส่วนกลุ่มลูกค้าต่างชาติของบริษัทจะเป็นโครงการฯ ในทำเล พระราม9 มีราคายูนิตราว 100 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นชาวเมียนมา ส่วนในทำเลพัฒนาการ บางนา และพระราม9 เป็นกลุ่มชาวจีน ส่วนชาวตะวันตกจะอยู่ในทำเลพญาไท”

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังขยายธุรกิจใหม่ในตลาดค้าปลีก ภายใต้แบรนด์ BABA SKIN CLUB ด้วยแนวคิด Skin Vacation พร้อมเปิดตัวผลิตภัณฑ์กันแดดเป็นสินค้าแรกในการทำตลาดราวไตรมาส 3 ปีนี้  ซึ่งสินค้าไลน์ใหม่ดังกล่าว มาจากจุดเริ่มต้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ได้จากสารสกัดซีบีดี (CBD) ที่เคยวางไว้ก่อนหน้านี้

“แนวทางดังกล่าว บริษัทฯ วางเป้ารายได้ในปีนี้อยู่ที่ 3,000 ล้านบาท” ธีราภรณ์ กล่าว

ด้าน ดิฐวัฒน์ อิสสระ กรรมการและผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าสำหรับโครงการใหม่ ของบริษัทฯ ในปีนี้ แบ่งออกเป็นทำเลในกรุงเทพ เริ่มจากบริเวณพระราม 9 - กรุงเทพกรีฑา มี 2 โครงการ รวมมูลค่า 5,123 ล้านบาท

• โครงการ อิสสระ เรสซิเดนท์ บนที่ดิน 19 ไร่ จำนวน 23 ยูนิต ราคา 90-140 ล้านบาท/ยูนิต
• โครงการ บ้านอิสสระ บนที่ดิน 21 ไร่ จำนวน 67 ยูนิต ราคา 25-60 ล้านบาท/ยูนิต
• โครงการมิกซ์ยูสบนเกาะภูเก็ต “ศรีพันวา ลากูน” บนที่ดิน 62 ไร่ มูลค่าโครงการ 8,000 ล้านบาท ประกอบด้วยโรงแรมหรู      วิลล่า และคอมมูนิตี้ ย่านเชิงทะเล
• The Sky Series เวิลด์คลาสลักซูรี่ วิลล่า บนที่ดินกว่า 2 ไร่ จำนวน 4 หลัง มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท
• โครงการ อิสสระ วิลล์  หัวหิน (ISSARA VILLE) ลักซูรี่ พูลวิลล่า หัวหิน บนที่ดิน 4 ไร่ จำนวน 8 ยูนิต มูลค่าโครงการ 144 ล้านบาท
• โครงการ     ซาซ่าส์ หัวหิน (SASA HUA HIN) A NEW STYLISH BEACH CONDOMINIUM บนที่ดิน 3 ไร่        จำนวน 248 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,706 ล้านบาท ที่ได้ทั้งวิวทะเล และวิวสนามกอล์ฟ

สำหรับธุรกิจโรงแรมร่วมมือกับ BDMS เพื่อขยายสู่ Wellness ระดับ World Class ให้ศรีพันวา ภูเก็ต เป็นสถานที่พักผ่อน พร้อมการดูแลสุขภาพกายและใจ ให้ลูกค้าได้สัมผัสประสบการณ์     การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism)

สำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ธุรกิจดูแลสุขภาพผิวแบรนด์ BABA SKIN CLUB จะนำนวัตกรรมใหม่เพื่อให้ผิวได้รับการบำรุง, พักผ่อน โดยสารสกัดจากธรรมชาติมาเป็นส่วนผสม โดยมี ‘กรัชเพชร อิสสระ’ รับตำแหน่งเป็นแบรนด์ไดเร็กเตอร์ผลิตภัณฑ์

พร้อมทิ้งทายว่า จากนโยบาย และกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจที่กล่าวไปข้างต้นกลุ่มชาญอิสสระ จะผลักดันให้เป็นตามเป้าหมายที่วางไว้สู่การพัฒนาธุรกิจตรงตามนิยามความเป็นชาญอิสสระ “Live Excellence”