รู้จัก ‘มากิโกะ โอโนะ’ ซีอีโอหญิงคนแรก ซันโทรี่ฯ สตรีผู้ทรงอิทธิพลแห่งเอเชีย ปี 2567

รู้จัก ‘มากิโกะ โอโนะ’  ซีอีโอหญิงคนแรก ซันโทรี่ฯ สตรีผู้ทรงอิทธิพลแห่งเอเชีย ปี 2567
‘มากิโกะ โอโนะ’ ผู้นำหญิงคนแรกของ ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด เยือนไทยพร้อมแผนขยายธุรกิจระดับโลก สะท้อนอนาคตอุตฯเครื่องดื่มนันแอลฯ-เพื่อสุขภาพ จากนี้ไป

มากิโกะ โอโนะ (Makiko Ono) ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด (Suntory Beverage & Food) หรือ SBF เดินทางเยือนไทยเพื่อร่วมประชุมประจำปีกับ บริษัท ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำตลาดอาหารเสริมสุขภาพภายใต้ตราผลิตภัณฑ์แบรนด์ในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชีย และ บริษัท ซันโทรี่ เป๊บซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มภายใต้แบรนด์สินค้าซันโทรี่และเป๊ปซี่โคในประเทศไทย

การเยือนประเทศไทยในครั้งนี้ ซีอีโอหญิงคนแรกแห่ง Suntory Beverage & Food ได้แบ่งปันมุมมองเกี่ยวกับการขยายธุรกิจในระดับโลกของบริษัทฯ การดำเนินงานด้านความยั่งยืน และอนาคตของอุตสาหกรรมเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ด้วยประสบการณ์การทำงานที่ยาวนานกว่า 40 ปี มากิโกะจึงเป็นหนึ่งในผู้นำหญิงที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มระดับโลก และอยู่ในลำดับที่ 3 ของสตรีผู้ทรงอิทธิพลแห่งเอเชีย ประจำปี 2567 จากการจัดอันดับของนิตยสารฟอร์จูน

 

เส้นทางอาชีพ จากญี่ปุ่นสู่เวทีโลก

 

มากิโกะ โอโนะ เริ่มต้นเส้นทางอาชีพที่ซันโทรี่มากว่า 40 ปี ซึ่งในขณะนั้นธุรกิจของซันโทรี่ยังคงเน้นตลาดในประเทศญี่ปุ่นเป็นหลัก มากิโกะ เล่าว่า ธุรกิจระหว่างประเทศของบริษัทซันโทรี่ในช่วงแรกที่ได้ร่วมงานกับซันโทรี่นั้นมีขนาดเล็กมาก โดยเป้าหมายของคุณเคอิโซะ ซาจิ (Keizo Saji) ประธานบริษัทในขณะนั้น คือการขยายธุรกิจไปสู่ตลาดโลก

หนึ่งในความท้าทายแรกคือการเข้าซื้อกิจการ Château Lagarde ไร่องุ่นเก่าแก่ในฝรั่งเศส ซึ่งต้องได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลฝรั่งเศส กระบวนการนี้ใช้เวลาถึง 18 เดือน และต้องพิสูจน์ให้เห็นว่าซันโทรี่ให้ความเคารพต่อประเพณีและชุมชนผู้ผลิตไวน์ในบอร์โดซ์ ซึ่งเธอเป็นพนักงานหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ 126 ปีของซันโทรี่ ที่ได้ทำงานในต่างประเทศและสามารถสร้างความสำเร็จให้กับแผนงานด้านการขยายธุรกิจในต่างประเทศได้

"ดิฉันต้องย้ายไปปารีสและลอนดอน โดยที่ลอนดอน ดิฉันได้นำทีมเข้าซื้อแบรนด์เครื่องดื่มอังกฤษ เช่น Lucozade และ Ribena ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของซันโทรี่ในตลาดโลก อีกหนึ่งข้อตกลงที่สำคัญคือการเข้าซื้อ Cerebos Pacific Limited ในปี ค.ศ.1990 ซึ่งเป็นก้าวแรกของซันโทรี่ในตลาดเอเชีย โดยซันโทรี่ได้นำนวัตกรรมผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยมาช่วยผลักดันให้แบรนด์ (BRAND'S) กลายเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่ได้รับความนิยมในภูมิภาค"

ความมุ่งมั่นในการดำเนินการตามค่านิยมองค์กร "Yatte Minahare" (จิตวิญญาณของผู้กล้าลงมือทำ) เป็นพื้นฐานที่นำพา มากิโกะ โอโนะ สู่ความสำเร็จในการทำตลาดระหว่างประเทศ อีกทั้งการสร้างประสบการณ์ในสายอาชีพที่หลากหลาย และความสามารถในการผสมผสานการทำงานของทีมที่มีวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน ยังแสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่ผลักดันให้มากิโกะได้ก้าวสู่ตำแหน่งแม่ทัพใหญ่แห่ง Suntory Beverage & Food ในเวลาต่อมา

 

เคล็ดลับสู่ความสำเร็จของ มากิโกะ โอโนะ

 

สำหรับ มากิโกะ โอโนะ ความสำเร็จขององค์กรไม่ได้วัดจากตัวเลขผลประกอบการเพียงอย่างเดียว แต่เป็นความมุ่งมั่นที่จะทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงประสบการณ์ชีวิตและความต้องการที่หลากหลายของผู้คน ตามหลักปรัชญา "Seikatsusha" ซึ่งเป็นหัวใจในการดำเนินงานของ Suntory Beverage & Food

"เราไม่ได้มองว่าผู้บริโภคเป็นเพียงลูกค้า แต่คือส่วนหนึ่งของชีวิตเรา เราจึงต้องคิดค้นและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของพวกเขา ไม่ใช่แค่ในช่วงเวลาของการบริโภคผลิตภัณฑ์เท่านั้น แต่ตลอดทุกช่วงเวลาในการดำเนินชีวิตประจำวัน"

มากิโกะ ให้ความสำคัญกับ "Gemba" หรือการลงพื้นที่จริง เพื่อเข้าใจความต้องการของผู้บริโภค คู่ค้าและพนักงานอย่างแท้จริง ซึ่งข้อมูลที่สำคัญเหล่านี้จะช่วยให้ซันโทรี่มองเห็นโอกาสใหม่ ๆ ในการสร้างสรรค์และพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัทฯ ได้ นอกจากนี้ เธอยังระบุว่า "ญี่ปุ่นเป็นประเทศต้นแบบที่มีจุดแข็งที่หลากหลาย" ตั้งแต่การทำงานเป็นทีมและความภักดีต่อองค์กรในระดับสูง ไปจนถึงความเข้มแข็งของฝ่ายวิจัยและพัฒนา การตลาด และการผลิต ซึ่งเธอต้องการถ่ายทอดจุดแข็งเหล่านี้ไปสู่ทีมงานทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย

สำหรับตลาดประเทศไทย Suntory Beverage & Food ให้ความสำคัญกับนวัตกรรมและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และแนวโน้มตลาดของผู้บริโภคชาวไทย เช่น การเพิ่มความหลากหลายของรสชาติ รูปแบบผลิตภัณฑ์ ตลอดจนคุณสมบัติด้านการดูแลสุขภาพในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ อย่างแบรนด์ที่พัฒนาสูตรที่หลากหลายเพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคในแต่ละช่วงวัย เช่น แบรนด์ซุปไก่สกัดที่มีคาร์โนซีนและวิตามินบี12 ซึ่งมีส่วนช่วยในการทำงานตามปกติของระบบประสาทและสมอง

รวมถึงเครื่องดื่มแบรนด์รังนกและแบรนด์วีต้า แอสตาแซนธิน ที่นำเสนอนวัตกรรมรูปแบบผลิตภัณฑ์และคุณสมบัติด้านสุขภาพเพื่อตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ นอกจากนี้ ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ชาและกาแฟพร้อมดื่ม ภายใต้การผลิตและจัดจำหน่ายโดย บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด ได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ใช้เทคโนโลยีการผลิตพิเศษตามแบบฉบับของซันโทรี่ ประเทศญี่ปุ่น ทำให้ผลิตภัณฑ์มีคุณภาพและเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่ว่าจะเป็นการคัดเลือกวัตถุดิบใบชาและเมล็ดกาแฟอย่างพิถีพิถัน กระบวนการสกัดที่ดึงเอารสชาติ กลิ่นหอมละมุน และความเข้มข้นของวัตถุดิบออกมาได้อย่างเต็มที่ รวมทั้งพัฒนาสูตรที่ไม่มีน้ำตาลและสูตรน้ำตาลน้อยเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบันที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพและรสชาติที่โดนใจ เช่น  ทีพลัส สูตรไม่มีน้ำตาล, ทีพลัส ฮันนี่เลมอน, ทีพลัส บราวน์ชูการ์, และ กาแฟ บอส แบล็ค สูตรไม่มีน้ำตาล และ บอส ยูซุ แบล็ค

ยิ่งไปกว่านั้น ซันโทรี่ ภายใต้การนำของแผนกวิจัยอันแข็งแกร่งของ บริษัท ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด เอเชีย แปซิฟิก จำกัด ที่มีสำนักงานอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ ยังมุ่งเน้นพัฒนานวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์ผ่านความร่วมมือด้านการวิจัยกับมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศไทย โดยมุ่งให้บุคลากรที่มีศักยภาพของไทยเป็นผู้นำในการดำเนินโครงการวิจัยเพื่อแบ่งปันองค์ความรู้และพัฒนาโภชนาการศาสตร์ให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น ตอบสนองต่อแนวโน้มประชากรสูงวัยในประเทศ และความต้องการของผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพมากขึ้น

 

ผู้นำหญิงคนแรก สู่แผนเติบโตยั่งยืน

 

การขึ้นสู่ตำแหน่งซีอีโอขององค์กรระดับโลกไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้หญิงในอุตสาหกรรมที่มีผู้ชายเป็นผู้นำมาโดยตลอด แต่ มากิโกะ โอโนะ ซีอีโอแห่ง Suntory Beverage & Food ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าความสามารถและวิสัยทัศน์ของตนคือปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่ความสำเร็จ ไม่ใช่เพศสภาพ

นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง เธอได้ขับเคลื่อนองค์กรด้วยกลยุทธ์สำคัญ 4 ด้าน ได้แก่

  • Brand Strategy (กลยุทธ์แบรนด์)
  • Business Structural Transformation (การปรับโครงสร้างธุรกิจ)
  • Diversity Equity
  • Inclusion หรือ DE&I (ความหลากหลาย ความเสมอภาค และการอยู่ร่วมกันโดยไม่แบ่งแยก) และ Sustainability (ความยั่งยืน) โดยมุ่งเน้นไปที่การสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับผู้บริโภค และการเติบโตอย่างยั่งยืนในตลาดโลก

"ดิฉันรู้ว่าการรับตำแหน่งซีอีโอจะเปิดประตูให้ผู้หญิงรุ่นต่อไป" มากิโกะ โอโนะ กล่าวว่าการตัดสินใจเข้ารับตำแหน่งผู้นำสูงสุดของบริษัทฯ นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เธอเชื่อว่าการรับตำแหน่งดังกล่าวจะส่งผลให้เธอเป็นตัวอย่างของผู้หญิงในระดับบริหาร และสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้หญิงรุ่นใหม่ที่ทำงาน เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์องค์กรในเชิงบวกอีกด้วย

มากิโกะ เปิดเผยว่า หลังจากเข้ารับตำแหน่ง เธอกำหนดให้หลักปรัชญา "Who We Are – Always Together with Seikatsusha" เป็นพันธสัญญาขององค์กรต่อผู้บริโภค และเป็นหลักยึดเหนี่ยวที่เชื่อมโยงธุรกิจอันหลากหลายของ Suntory Beverage & Food เข้าด้วยกัน

"เมื่อมองไปข้างหน้า เราจะผลักดันการเติบโตของบริษัทฯ ด้วยการใช้จุดแข็งที่เรามีร่วมกันภายในองค์กร พร้อมยึดแนวคิด 'Gemba' หรือการลงพื้นที่จริง เพื่อที่จะเข้าใจและสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในประเทศต่างๆ ที่เราดำเนินธุรกิจอยู่ได้อย่างแท้จริง"

 

ความท้าทายใน 2 ปีแรกของซีอีโอหญิง

 

การเป็นผู้นำในช่วงเวลาที่โลกเต็มไปด้วยความไม่แน่นอนถือเป็นบททดสอบสำคัญของผู้บริหารทุกคน เช่นเดียวกับ มากิโกะ โอโนะ ซึ่งเล่าว่า สองปีแรกในฐานะซีอีโอเต็มไปด้วยความท้าทาย ตั้งแต่สถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ผันผวน ต้นทุนวัตถุดิบที่พุ่งสูงขึ้นจากผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ตลอดจนการขับเคลื่อนเรื่องความหลากหลายและบทบาทของผู้หญิงและพนักงานทุกกลุ่มในองค์กร เพื่อรับมือกับปัจจัยภายนอกที่ควบคุมไม่ได้ ควบคู่กับการขับเคลื่อน Suntory Beverage & Food ให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและพร้อมรับมือกับทุกความเปลี่ยนแปลงในอนาคต

มากิโกะบริหารงานภายใต้แนวคิด "Gemba" หรือการลงพื้นที่จริงเพื่อตรวจสอบปัญหาและหาแนวทางแก้ไขที่เหมาะสม เพราะการขาดความเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นในพื้นที่จริงอาจนำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดพลาดได้

 

ภารกิจในการสร้างองค์กรที่เท่าเทียม

 

การเปลี่ยนแปลงองค์กรให้เป็นสถานที่แห่งความเท่าเทียมและเปิดโอกาสให้ทุกคนเติบโตไปด้วยกัน คือ หนึ่งในพันธกิจสำคัญที่ซีอีโอหญิงให้ความสำคัญตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งเมื่อปี ค.ศ. 2023

"หลังจากเข้ารับตำแหน่ง ดิฉันได้เดินทางไปยังสาขาต่างๆ รวมถึงสำนักงานขาย ซึ่งมีพนักงานผู้หญิงในระดับบริหารน้อยมาก เพื่อร่วมพูดคุยและเปิดโอกาสให้พวกเธอได้แสดงศักยภาพ"  พร้อมย้ำถึงเป้าหมาย คือการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ช่วยให้พนักงานสามารถดึงศักยภาพของตัวเองออกมาได้มากถึง 150% และผลักดันให้เป้าหมายด้าน Diversity, Equity, and Inclusion (DE&I) เป็นรูปธรรมมากขึ้น

ทั้งนี้ Suntory Beverage & Food ได้ก่อตั้งสภาส่งเสริม DE&I เมื่อปี ค.ศ. 2023 โดยมุ่งเน้นการเพิ่มสัดส่วนของผู้หญิงในตำแหน่งผู้จัดการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฝ่ายขายและฝ่ายผลิต นอกจากนี้ ซันโทรี่ยังส่งเสริมการทำงานที่ยืดหยุ่น การจัดตั้งกลุ่มพนักงานเพื่อขับเคลื่อนประเด็นต่าง ๆ ในที่ทำงาน และโครงการพัฒนาผู้นำหญิงที่ครอบคลุมทั้งพนักงานที่เป็นแม่และพนักงานหญิงที่มีความสามารถในการก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งบริหาร

"ในปัจจุบัน เราเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนขึ้น อาทิ การมอบหมายให้ผู้บริหารหญิงไปทำงานในต่างประเทศมากขึ้น โดยย้ายไปพร้อมกับคู่สมรส ซึ่งเป็นสัญญาณให้เห็นว่า วัฒนธรรมด้านการทำงานของญี่ปุ่นที่เคยเป็นอนุรักษ์นิยมกำลังเปลี่ยนแปลงไป"

มากิโกะ ระบุว่า ซันโทรี่ประสบความสำเร็จในการสร้างสมดุลระหว่างพนักงานชายและหญิงในเอเชีย แต่ยังต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่องในการผลักดันให้ผู้หญิงเข้าสู่บทบาทผู้นำ พร้อมเน้นถึงนโยบายของซันโทรี่ที่ตั้งเป้าให้ 30% ของพนักงานในระดับผู้จัดการเป็นผู้หญิงภายในปี ค.ศ. 2030 สำหรับซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด (ประเทศไทย) ความมุ่งมั่นในการสร้างความเท่าเทียมในองค์กรสะท้อนให้เห็นจากการมีสัดส่วนผู้หญิงในระดับผู้จัดการ 40% มีพนักงานผู้หญิงทั่วทั้งองค์กรมากถึง 60% รวมถึงมีผู้หญิงที่อยู่ในกลุ่มผู้บริหารสูงสุดถึง 50% ในขณะที่ ซันโทรี่ เป๊บซี่โค ประเทศไทย มีสัดส่วนพนักงานระดับผู้จัดการที่เป็นผู้หญิงถึง 51% และยังคงเดินหน้าสร้างสมดุลทางเพศในองค์กรให้เพิ่มขึ้น เพื่อสร้างสถานที่ทำงานบนพื้นฐานของความเท่าเทียม

"การสร้างความเท่าเทียมในองค์กรไม่ใช่แค่เรื่องของตัวเลข แต่เป็นเรื่องของโอกาสและความสามารถ ดิฉันอยากให้ผู้หญิงทุกคนกล้าที่จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำ เพราะเมื่อคุณเปิดประตูแล้ว คนอื่น ๆ ก็จะเดินตามมา"

อย่างไรก็ตาม การเพิ่มสัดส่วนของผู้หญิงในตำแหน่งผู้บริหารก็เป็นอีกหนึ่งความมุ่งมั่นที่จะผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะในประเทศญี่ปุ่นที่ยังมีผู้บริหารระดับสูงที่เป็นผู้หญิงในสัดส่วนที่ต่ำ

ซึ่ง มากิโกะ โอโนะ แสดงทัศนะว่า "เราจำเป็นต้องสร้างโอกาสและวัฒนธรรมองค์กรที่เอื้อต่อความก้าวหน้าของผู้หญิง โดยแสดงให้เห็นว่าโอกาสมีอยู่จริง และพวกเธอก็สามารถเป็นผู้นำได้"

สำหรับทิศทางของ Suntory Beverage & Food มากิโกะ โอโนะ บอกว่า บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจภายใต้ 3 ค่านิยมหลักขององค์กร ได้แก่ "Growing for Good" (การเติบโตอย่างยั่งยืน) "Yatte Minahare" (จิตวิญญาณของผู้กล้าลงมือทำ) และ "Giving Back to Society" (การตอบแทนกลับคืนสู่สังคม) เพื่อให้บรรลุเป้าหมายขององค์กร คือ เพื่อจุดประกายความสดใสของชีวิต โดยการสร้างประสบการณ์ที่หลากหลายให้ผู้คนได้อยู่กับธรรมชาติอย่างสมดุล

ค่านิยม "การเติบโตอย่างยั่งยืน" เป็นกรอบการดำเนินงานของบริษัทฯ ที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกับการเติบโตขององค์กร ผ่านโครงการและกิจกรรมต่าง ๆ  อาทิ โครงการมิซุอิกุ (Mizuiku: Education Program for Nature and Water) ซึ่งเป็นโครงการอนุรักษ์น้ำระดับโลกของซันโทรี่ สำหรับในประเทศไทย โครงการนี้เริ่มดำเนินการ โดย บริษัท ซันโทรี่ เป๊บซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2019 และในปี ค.ศ. 2024 บริษัท ซันโทรี่ เป๊บซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัท ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด (ประเทศไทย) จำกัด พร้อมการสนับสนุนจาก บริษัท ซันโทรี่ โฮลดิ้งส์ จำกัด ร่วมกันเปิดตัวโครงการ "วัน ซันโทรี่ มิซุอิกุ: เรารักษ์น้ำ" ขยายขอบเขตความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ ตลอดจนเพิ่มจำนวนนักเรียนและคุณครูที่ได้รับองค์ความรู้เรื่องความสำคัญของทรัพยากรน้ำและการอนุรักษ์น้ำจากการเข้าร่วมโครงการให้มากขึ้น

การหมุนเวียนใช้ทรัพยากรพลาสติก (Plastic Circularity) เป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญที่ Suntory Beverage & Food ให้ความสำคัญ ในฐานะบริษัทอาหารและเครื่องดื่มชั้นนำระดับโลก ซึ่งให้ความสำคัญกับการเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม บริษัทฯ จึงร่วมมือกับพันธมิตรในการส่งเสริมการจัดการบรรจุภัณฑ์อย่างยั่งยืน เพื่อช่วยลดการใช้ทรัพยากรใหม่ตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน

ดังนั้น บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มที่ใช้บรรจุภัณฑ์ขวดพลาสติก PET จึงมุ่งส่งเสริมการคัดแยกและเก็บกลับขวด PET ใช้แล้วอย่างจริงจังและต่อเนื่องเพื่อรีไซเคิลหมุนเวียนกลับมาเป็นขวดใหม่ หรือที่เรียกว่า "Bottle-to-Bottle Recycling" ทั้งนี้ ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) เป็นบริษัทเครื่องดื่มรายแรกในประเทศไทยที่เริ่มใช้ขวดจากพลาสติกรีไซเคิล 100% (ขวด rPET 100%) กับผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มของตน นำร่องด้วยเครื่องดื่มเป๊ปซี่และชาอู่หลงพร้อมดื่มทีพลัส ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2023 ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของบริษัท ด้านความยั่งยืนในบรรจุภัณฑ์

นอกจากนี้ Suntory Beverage & Food ให้ความสำคัญกับการสร้างสิ่งดี ๆ กลับคืนสู่สังคมอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับค่านิยม "การตอบแทนกลับคืนสู่สังคม" โดยในประเทศไทย ทั้งสองบริษัทในเครือซันโทรี่ดำเนินโครงการ "One Suntory Helping Hands" ส่งเสริมให้พนักงานได้แสดงพลังจิตอาสา พร้อมปลูกจิตสำนึกความรับผิดชอบต่อสังคมให้กับพนักงาน

โดยเราเปิดโอกาสให้พนักงานจัดกิจกรรมระดมทุนภายในองค์กรเพื่อนำเงินที่ได้ไปช่วยเหลือผู้ที่ด้อยโอกาสและองค์กรการกุศลต่าง ๆ สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของทั้งสองบริษัทที่ดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการดูแลสังคมไทย นอกจากนี้ บริษัท ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด (ประเทศไทย) ได้ร่วมมือกับสภากาชาดไทย ดำเนินโครงการ "แบรนด์ ยัง บลัด" ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1997 ส่งเสริมการบริจาคเลือดอย่างยั่งยืนในหมู่เยาวชนรุ่นใหม่ เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนเลือดในประเทศไทย โดยใน 25 ปีของการดำเนินโครงการ สามารถสร้างการบริจาคเลือดมากกว่า 830 ล้านซีซี เพื่อรักษาชีวิตผู้ป่วยและให้การช่วยเหลือในสถานการณ์ฉุกเฉิน นำไปสู่การยกระดับสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนไทย

มากิโกะเน้นย้ำว่า การดำเนินงานตามค่านิยมองค์กร ผ่านโครงการและกิจกรรมต่าง ๆ เหล่านี้ไม่ใช่เพื่อสร้างการเติบโตให้แก่องค์กรเท่านั้น แต่ยังสร้างความเติบโตให้กับตัวพนักงานด้วยเช่นกัน โดยได้รับองค์ความรู้จากทดลองทำสิ่งใหม่ ๆ และการทำงานร่วมกับพันธมิตรที่หลากหลาย ย่อมนำไปสู่การพัฒนาตนเองขึ้นในทุก ๆ วัน

อนาคตธุรกิจเครื่องดื่มนัน-แอลกอฮอล์,เพื่อสุขภาพ

 

จากเป้าหมายของการจุดประกายความสดใสของชีวิตให้กับผู้คน ผ่านการดำเนินงานตามหลักปรัชญา "Seikatsusha" ที่มุ่งสร้างความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในประสบการณ์ชีวิตของแต่ละบุคคล นำไปสู่การสร้างผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค Suntory Beverage & Food มุ่งมั่นที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพสำหรับคนทุกช่วงวัย จากแนวโน้มของผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพองค์รวมและโภชนาการมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี ค.ศ. 2025 ที่จะเห็นการเติบโตของผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ด้านสุขภาพจิตและการบรรเทาความเครียด รวมถึงแนวโน้มของสังคมผู้สูงอายุที่ส่งผลต่อความต้องการผลิตภัณฑ์ที่จะช่วยดูแลสุขภาพ โดยปัจจุบัน ประเทศไทยและสิงคโปร์ ได้เข้าสู่ "สังคมผู้สูงอายุ" และคาดว่าจะเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ "สังคมผู้สูงอายุขั้นสุด" ภายในทศวรรษหน้า ดังนั้น เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จะเป็นตลาดสำคัญสำหรับผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ โดยเฉพาะสินค้าเพื่อสุขภาพภายใต้ตราผลิตภัณฑ์แบรนด์ ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีในประเทศไทย ไต้หวัน และมาเลเซีย

นอกเหนือจากประเด็นเรื่องสุขภาพ มากิโกะ โอโนะ ยังแสดงทัศนะว่า การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และหลักธรรมาภิบาลเป็นหัวใจหลักที่ผู้บริโภคยุคใหม่ให้ความสำคัญ โดยจะเลือกซื้อผลิตภัณฑ์จากองค์กรที่แสดงถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อตอบโจทย์นี้ Suntory Beverage & Food จึงลงทุนในโรงงานผลิตและศูนย์กระจายสินค้ามาตรฐานที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ในประเทศออสเตรเลียและเวียดนาม ซึ่งถือเป็นโรงงานที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย โดยใช้พลังงานแสงอาทิตย์ ชีวมวล ตลอดจนเทคโนโลยีประหยัดพลังงานและประหยัดน้ำ เพื่อมุ่งสู่การเติบโตที่ยั่งยืน

อีกหนึ่งปัจจัยที่น่าจับตามองคือ การเติบโตของกลุ่มผู้บริโภค Gen Z ที่มีกำลังซื้อสูงในยุคดิจิทัล ที่ให้ความสำคัญกับประสบการณ์ที่แปลกใหม่และน่าดึงดูดใจ ดังนั้น Suntory Beverage & Food จึงเน้นสร้างประสบการณ์ที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจจากเทคโยโลยีดิจิทัล เพื่อดึงดูดกลุ่ม Gen Z ให้มากขึ้น

มากิโกะ โอโนะ กล่าวทิ้งท้ายว่า ปัจจัยทางด้านความสะดวกสบาย เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ไม่อาจมองข้ามได้ จากรูปแบบการใช้ชีวิตของคนยุคปัจจุบันที่ต้องการความสะดวก รวดเร็ว นำไปสู่ความต้องการเครื่องดื่มพร้อมดื่ม (Ready-to-Drink หรือ RTD) และผลิตภัณฑ์อาหารที่สะดวกต่อการบริโภคเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ชาอู่หลงพร้อมดื่มทีพลัส (TEA+) และผลิตภัณฑ์ชาอู่หลงพร้อมดื่มซันโทรี่ (Suntory Oolong Tea) ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคอย่างต่อเนื่องจากรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์และคุณประโยชน์ด้านสุขภาพ

นอกจากนี้ เรายังมุ่งตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่ำพร้อมดื่ม (RTD low-alcohol beverages) ในประเทศออสเตรเลียและเวียดนาม ด้วยผลิตภัณฑ์ -196

ในขณะเดียวกัน  V Energy ยังคงเป็นผู้นำตลาดในกลุ่มเครื่องดื่มให้พลังงานในภูมิภาคโอเชียเนีย จากการนำเสนอรสชาติที่แปลกใหม่และคุณสมบัติที่ช่วยเติมความสดชื่นให้กับผู้บริโภค

 

TAGS: #ซันโทรี่เบเวอเรจแอนด์ฟู้ด #มากิโกะโอโนะ