พลังงานหาช่องลดค่าไฟฟ้าช่วยประชาชานอาจไม่ทันรอบนี้ กกพ.เตรียมประกาศอัตราค่าเอฟทีรอบหน้ามีแนวโน้มเท่าเดิม ขณะที่หนี้ค้างคืนกฟผ.อยู่ที่ 7.1 หมื่นล้านบาท
แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่าทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานเตรียมประกาศอัตราค่าไฟฟ้าผันแปร(เอฟที)รอบเดือนพ.ค.-ส.ค. 2568 และเปิดรับฟังความเห็นกับประชาชน ซึ่งยังกำหนดเป็น 3 ทางเลือกให้ประชาชนได้เลือก เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา คือ1. การปรับขึ้นค่าเอฟทีตามต้นทุนผลิตไฟฟ้าและการจ่ายคืนเงินคงค้างให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) ทั้งหมดและรวมค่าส่วนต่างราคาก๊าซธรรมชาติ เฉลี่ยค่าไฟฟ้าจะปรับเพิ่มมากว่า 5 บาท/หน่วย
2. การปรับขึ้นค่าเอฟทีตามต้นทุนและการจ่ายเงินคงค้างกฟผ.ทั้งหมด โดยอัตราค่าไฟฟ้าจะอยู่ที่ระดับ 5 บาทต่อหน่วย และ 3.คงอัตราค่าเอฟทีเท่ากับปัจจุบัน ซึ่งจะทำให้ค่าไฟฟ้าที่เรียกเก็บประชาชนอยู่ที่ 4.15 บาทต่อหน่วย
ทั้งนี้แนวโน้มค่าไฟฟ้างวดหน้ามีโอกาสที่จะตรึงเท่ากับอัตราปัจจุบัน โดยพิจารณาจากหลายปัจจัยทั้งภาระหนี้คืนกฟผ.ซึ่งขณะนี้อยู่ที่ 7.1 หมื่นล้านบาทรวมกับส่วนต่างราคาก๊าซฯของปตท.อีก 1.5 หมื่นล้านบาท ตลอดจนราคาเชื้อเพลิงและอัตราแลกเปลี่ยน
ส่วนความเป็นไปได้ที่จะปรับลดค่าไฟฟ้าให้ต่ำกว่า 4 บาทต่อหน่วย ทางกระทรวงพลังงานอยู่ระหว่างพิจารณา โดยข้อเสนอของสกพ.ให้ภาครัฐทบทวนสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับผู้ผลิตไฟฟ้าในกลุ่มผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (SPP) และกลุ่มผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กมาก (VSPP) ในรูปแบบส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า (Adder) และ Feed in Tariff (FiT) จะลดลงได้ 17 สตางค์/หน่วยนั้น ทางนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน กังวลจะเกิดการฟ้องร้องจากภาคเอกชนได้เพราะเป็นสัญญาที่ผูกพันมาหลายปี
ทั้งนี้รมว.พลังงานได้เสนอให้ใช้แนวทางการบริการจัดการเชื้อเพลิง โดยปรับโครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติ เนื่องจากไทยใช้ก๊าซฯจาก 3 แหล่งใหญ่ คือ อ่าวไทย เมียนมาร์ และนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว(แอลเอ็นจี) ซึ่งเป็นการปรับพอร์ต Pool Gas หรือราคาเฉลี่ยก๊าซฯให้เป็นสัดส่วนชัดเจน ระหว่างการนำไปใช้ผลิตไฟฟ้าและการนำไปใช้ในอุตสาหกรรม จะทำให้ค่าไฟลดลงได้ 40 สตางค์/หน่วย ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาอาจไม่ทันใช้กับค่าเอฟทีรอบหน้านี้