‘แสนสิริ’ เติมแกร่งการเงิน ส่ง ‘ต้นแบบ’ ธุรกิจรับสร้างบ้าน ต่องานพรีคาสต์ สร้างมาร์จิ้นหนา 20%

‘แสนสิริ’ เติมแกร่งการเงิน ส่ง ‘ต้นแบบ’ ธุรกิจรับสร้างบ้าน ต่องานพรีคาสต์ สร้างมาร์จิ้นหนา 20%
'แสนสิริ' ขยายธุรกิจใหม่ 'ต้นแบบ' รับโอกาสตลาดรับสร้างบ้าน 2 แสนล.บาท โต 2 หลักต่อเนื่องทุกปี ทำกำไรทางตรงไม่ต่ำ 20% เทียบทำบ้านจัดสรร ปีนี้ย้ำวินัยการเงิน-ก่อหนี้เสริมแกร่งสภาพคล่องการเงิน

วิชาญ วิริยะภูษิต ประธานผู้บริหารสายงานการเงิน (ซีเอฟโอ) บริษัทแสนสิริ จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ ‘แสนสิริ’ (SIRI) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ขยายธุรกิจใหม่ภายใต้ชื่อ ‘ต้นแบบ’ Crafted By Sansiri ให้บริการในตลาดรับสร้างบ้าน รองรับความต้องการกลุ่มผู้อยู่อาศัยที่ต้องการปลูกบ้านบนที่ดินของตัวเอง ที่ยังมีแนวโน้มการเติบโตในช่วงที่ผ่านมา

“จากข้อมูลรีเสิร์พบว่าตลาดรับสร้างบ้านในไทยมีมูลค่ากว่า 2 แสนล้านบาท และเติบโตต่อเนื่องสองหลักทุกปี ซึ่งแสนสิริมองเห็นโอกาสจากความพร้อมของทีมงาน บุคลากร แรงงาน ฯลฯ นำมาใช้ขยายธุรกิจใหม่นี้ โดยจะเปิดตัวธุรกิจอย่างเป็นทางการในงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 47  ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 20 - 23 มีนาคม 2568 นี้”  วิชาญ กล่าวพร้อมเสริมว่า

การขยายธุรกิจรับสร้างบ้าน ‘ต้นแบบ’ Crafted By Sasiri  ดังกล่าว ยังต่อยอดมาจากการดำเนินธุรกิจโรงงานพรีคาสต์ แผ่นคอนกรีตสำดร็จรูป ที่บริษัทฯ ดำเนินการมาก่อนหน้าเพื่อซัพพลายวัสดุให้กับโครงการก่อสร้างอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ของแสนสิริ ที่ปัจจุบันโรงงานฯ ยังมีกำลังการผลิตเหลืออยู่และเพียงพอต่อการนำออกไปทำตลาด

พร้อมเสริมอีกว่า “กลุ่มลูกค้าที่มีที่ดินยังสามารถเข้ามาดูแบบบ้านของแสนสิริที่มีอยู่แล้วเพื่อให้บริษัทฯ นำไปก่อสร้างเป็นบ้านได้เลยเช่นกัน” พร้อมเสริมว่า “บริษัทฯยังมองเห็นโอกาสด้านกำไรสุทธิ (Bottomline) ในธุรกิจรับสร้างบ้านไม่ต่ำกว่า 20%”

นอกจากนี้ การดำเนินธุรกิจรับสร้างบ้าน ยังมีโอกาสสร้างกำไรนำเข้าไปใส่ได้เลยตามหลัก 40:60 และได้เงินสดเข้ามาในทันที จากการลูกค้าที่จะต้องแบ่งชำระค่าดำเนินการในแต่ละงวดตามขั้นตอน รวมถึงยังใช้ที่ดินของลูกค้าเอง ขณะที่การพัฒนาโครงการอสังหาฯ หรือ บ้านจัดสรร จะมีทั้งต้นทุนการซื้อที่ดิน การทำส่วนกลางต่างๆ ที่นำไปรวมเป็นต้นทุนบ้านแต่ละยูนิตในโครงการ ทำให้ไม่สามารถทำราคาขายได้มากนัก  

“ข้อดีของธุรรกิจนี้ไม่ต้องใช้เงินเลย ใครให้รับสร้างบ้านจ่ายเงินมาก่อนงวดแรก ไปจนถึงวันที่สร้างเสร็จก็ยังไม่ต้องจ่ายเลย ซึ่งลูกค้ายังชำระเป็นงวด อย่างอัปฟร้อนต์จ่าย 15% ตามขั้นตอน ซึ่งธุรกิจรับสร้างบ้านต้นแบบ จะเริ่มทำเป็นบิสสิเนส โมเดล ใหม่” วิชาญ กล่าวพร้อมเสริมว่า  

สำหรับปี 2567 ที่ผ่านมา บริษัทฯ มีผลกำไรปกติราว 13-15 % ซึ่งสัดส่วนหลังหากรวมกำไรพิเศษที่ได้รับจากการพัฒนาโครงการใหม่ ขณะที่ความร่วมมือกับพันธมิตรในรูปแบบการร่วมทุน (JV) จะยังเข้ามาช่วยลดภาระการเงินของบริษัททั้งการรับรู้รายได้ การขอสินเชื่อทำโครงการ และยังช่วยกระจายความเสี่ยง โดยสัดส่วนการเจวีที่เหมาะสมจะอยู่ที่ราว 20-30% ในแต่ละโครงการ

“ในช่วงก่อนสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด บริษัทฯ มีกำไรราวหลักเดียวแต่ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทฯได้วางกลยุทธ์ทางการเงินเข้ามาสนับสนุนการพัฒนาโครงการฯต่างๆของบริษัทอย่างต่อเนื่องให้สอดคล้องแผนพัฒนาโครงการต่างๆของบริษัท ซึ่งในปีนี้วางแผน เปิดตัว 29 โครงการใหม่ มูลค่า 5.2 หมื่นล้านบาท เน้นกลุ่มระดับหรู และขยายไปยังทำเลหัวเมืองจังหวัดท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ อาทิ ภูเก็ต, พัทยา ชลบุรี และขอนแก่น” วิชาญ กล่าว  

โดยในปีที่ผ่านมา บริษัทฯ มีรายได้ราว 3.9 หมื่นล้านบาท และในปีนี้วางเป้าหมายราว 4 หมื่นล้านบาท บนสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันที่ยังต้องระมัดระวัง พร้อมวางโครงสร้างแหล่งเงินทุนมาจาก แผนระดมทุนหุ้นกู้ ราว 60% การขอสินเชื่อโครงการ (Project Finance) 25% และเงินกู้ระยะสั้น (Short Term loan) ราว 15%

วิชาญ กล่าวว่า บริษัทฯ วางนโยบายทางการเงินและมีวินัยในการก่อหนี้อย่างระมัดระวัง โดยในปี 2568 นี้อสนสิรินี้ มีหุ้นกู้ครบกำหนดชำระมูลค่า 1.5 หมื่นล้านบาท จากเมื่อเดือนก.พ.ที่ผ่านมา ครบกำหนดชำระฯไปแล้ว 6,000 ล้านบาท และได้เปิดขายหุ้นกู้มูลค่า 7,000 ล้านบาท ไปแล้วในเดือนม.ค.ที่ผ่านมา และวางแผนเปิดขายหุ้นกู้อีกหนึ่งชุดมูลค่าราว 7,000 ล้านบาท ในช่วงปลายปีนี้

TAGS: #SIRI #Sansiri #แสนสิริ #อสังหาริมทรัพย์