‘แอน-โอซฮิลด์ นัคเค่น’ สภาอุตฯซีฟู้ดนอร์เวย์ กับแผนรุกหนักตลาดในไทย หลังพบอินไซด์คนรุ่นใหม่ชอบกินปลาแซลมอนทุกวันเสาร์

‘แอน-โอซฮิลด์ นัคเค่น’ สภาอุตฯซีฟู้ดนอร์เวย์ กับแผนรุกหนักตลาดในไทย หลังพบอินไซด์คนรุ่นใหม่ชอบกินปลาแซลมอนทุกวันเสาร์
‘แอน-โอซฮิลด์ นัคเค่น’ ทูตพาณิชย์อาหารทะเลแห่งนอร์เวย์ เล่าเรื่องราวผลผลิตซีฟู้ดกับแผนการทำตลาดใน ’ไทย’ หนึ่งในตลาดสำคัญของอาเซียน พร้อมทำแคมเปญใหญ่และมี ‘ญาญ่า-อุรัสยา’ มาเกี่ยวข้องได้อย่างไร?

โอชชิลด์ นัคเค่น หรือ ‘แอน’ เข้ามารับตำแหน่งผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สภาอุตสาหกรรมอาหารทะเลนอร์เวย์ (NSC) ดูแลตลาดหลักในภูมิภาคนี้ โดยเฉพาะในไทย และเวียดนาม รวมถึงใน ไต้หวัน ตั้งแต่ปี 2567 ที่ผ่านมา พร้อมกับแบ็คกราวด์ที่คุ้นเคยในตลาดอาหารทะเลเป็นอย่างดี ด้วยก่อนหน้าดูแลตลาดส่งออกอาหารทะเลทั้งใน ญี่ปุ่น และ จีน ที่ประสบความสำเร็จมาก่อน จึงไม่น่าแปลกใจที่ ‘เธอ’ จะเข้ามารับตำแหน่ง ‘ทูต’ แห่งอาหารทะเลนอร์เวย์ ในครั้งนี้

THE BETTER ได้มีโอกาสสัมภาษณ์พิเศษ ‘แอน-โอชชิลด์ นัคเค่น’ ถึงบทบาทและแนวคิดการทำตลาดที่น่าสนใจ โดยเฉพาะในแคมเปญ ‘Salmon Saturday’ ที่จะให้ในทุกวันเสาร์เป็นวันแห่งปลาแซลมอน !!  

 

‘Best Condition’ สู่ความสด-อร่อย

 

ก่อนเข้าสู่แนวทางการส่งเสริมการทำตลาดอาหารทะเลนอร์เวย์ ในไทย ‘แอน’ ชวนมาทำความรู้จักกับซีฟู้ดจากนอร์เวย์ ที่มีอยู่มากมายทั้งที่จับได้ตามธรรมชาติ และ การทำฟาร์มประมง (Fish Farming) อย่าง ปลาฟยอร์ด เทราต์, ปูจักรพรรดิ (King Crab), ปลานอร์วีเจียนซาบะ ปลาทะเลประเภทต่างๆ และ พระเอกตลอดกาลอย่าง ปลาแซลมอน ที่ส่งออกทั่วโลกมากกว่า 15 ล้านตันต่อปี และเป็นตลาดหลักราว 65-70% เลยทีเดียว

ขณะที่ อาหารทะเลจากนอร์เวย์ ที่เข้ามาทำตลาดในไทย จะมี 3 กลุ่มหลัก สำคัญ คือ

  • ปลาแซลมอน ( Norwegian Salmon)
  • ปลาฟยอร์ดเทราต์ (Fjord Trout)
  • ปลานอร์วีเจียนซาบะ (Norwegian Saba)

ด้วยอาหารทะเลดังกล่าว จัดเป็นกลุ่มฮีโร่อาหารทะเลส่งออกที่น่าภาคภูมิใจของนอร์เวย์ ด้วยคุณสมบัติอันโดดเด่นของรสชาติ ให้ความสด อร่อย จากแหล่งผลิตในเขตการทำประมงตามชายฝั่งทะเลที่อุดมสมบูรณ์ในการอยู่อาศัยของปลา ทั้งอุณหภูมิอากาศ 4-16 องศาเซลเซียสตลอดทั้งปี รวมถึงสภาพแวดล้อมของน้ำทะเลที่อยู่ใกล้กับขั้วโลกเหนือ และองค์ประกอบอื่นๆ

อีกทั้งยังถูกควบคุมการผลิตด้วยใบอนุญาตเพื่อทำการประมงจากภาครัฐ ที่ปัจจุบันมีผู้ประกอบการในธุรกิจนี้ราว 1,200 พื้นที่ (Location)ในประเทศนอร์เวย์ ซึ่งยังมีระบบการจำกัดการผลิตแต่ละราย (quota) ในการเพาะพันธุ์ปลา หรือ การเว้นช่วงระยะเวลาการจับปลาในบางช่วง รวมไปถึงการคืนพื้นที่หลังการการทำประมงแล้วเสร็จให้มีความสวยงามต่อไป เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับระบบนิเวศ อีกด้วย  

“ด้วยเงื่อนไขทั้งหมด เป็นจุดแข็งของกลุ่มอาหารทะเลจากนอร์เวย์เพื่อทำตลาดส่งออก โดยตลาดสำคัญของนอร์วีเจียนซาบะ มียอดส่งออกอันดับหนึ่งในญี่ปุ่น รวมถึงในประเทศไทยที่ผู้คนคุ้นเคยรสชาติเนื้อปลาชนิดนี้กันดีในร้านอาหารญี่ปุ่นต่างๆ” แอน ย้ำ

 

โอกาสตลาดไทย ร้านอาหารญี่ปุ่นกว่าห้าพันแห่ง

 

แอน กล่าวต่อ ถึงบทบาทในฐานะผู้อำนวยการ NSC ตลอดวาระที่เธอดำรงตำแหน่งในครั้งนี้ เพื่อมุ่งส่งเสริมการทำตลาดส่งออกอาหารทะเลจากนอร์เวย์ใน 3 ตลาดสำคัญดังที่กล่าวไว้ข้างต้น  

โดยเฉพาะประเทศ ‘ไทย’ ในกลุ่มธุรกิจบริการร้านอาหาร (Food Service) ต่างๆ อย่างในร้านอาหารญี่ปุ่นที่มีจำนวนมากกว่า 5,700 ร้าน และมีการบริโภคเมนูจากเนื้อปลาโดยเกือบทั้งหมดจะเป็นโอกาสของอาหารทะเลจากนอร์เวย์ เช่นกัน

ในปัจจุบัน การนำเข้าอาหารทะเลนอร์เวย์ มีอัตราการเติบโตเชิงมูลค่า 29% มูลค่า 2,000 ล้านบาท เชิงปริมาณ 42% คิดเป็น 7,800 ตัน (2 เดือนแรกเทียบกันปีนี้และปีที่แล้ว) โดยสินค้าในกลุ่มนอร์วีเจียน แซลมอน และฟยอร์ดเทราต์รวมกัน เติบโตในเชิงมูลค่า 21% มูลค่า 1,700 พันล้าน เชิงปริมาณ 32% นำเข้า 2 เดือนแรก 5,200 ตัน (YoY) โดยในปี 2567 มีการนำเข้าอาหารทะเลจากนอร์เวย์ราว 5,200 ตันเติบโตเชิงปริมาณราว 13% จากปีก่อนหน้า   

“เป้าหมายในปีนี้ NSC จะยังรักษาการเติบโตของตลาดฯต่อเนื่องจากปีก่อน” แอน กล่าว

 

‘ความท้าทาย’ ล้อมรอบด้วยของอร่อย

 

จากทิศทางพร้อมเป้าหมายที่วางไว้ ทำให้ ‘แอน’ วางแผนการทำการตลาดเพื่อให้ ‘อาหารทะเลจากนอร์เวย์’ เข้าถึงผู้บริโภคคนไทยให้ได้มากขึ้น

“ในช่วงแรกๆที่เข้ามาในไทยพบว่าเป็นประเทศที่น่าตื่นตาด้วยอาหารหลากหลายเมนูและรสชาติที่น่าสนใจมากๆ แม้ว่าจะเป็นความท้าทายแต่ก็มองว่าเป็นโอกาสในการทำตลาดด้วย” แอน กล่าวพร้อมเสริมว่า “การเข้ามาในตลาดไทย ยังมีช่องทางต่างๆ อีกทั้งจากปัจจัยบวกการลงนามข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) กับสหภาพยุโรป (EU) ทำให้ นอร์เวย์ มีข้อต่อรองการทำธุรกิจระหว่างกลุ่มประเทศยุโรป เพื่อขยายการทำตลาดส่งออกอาหารทะเลในในอาเซียนได้มากขึ้นด้วย”  

อย่างไรก็ตาม แอน เสริมอีกว่า นอกจากนี้ยังมองถึงการทำแคมเปญการตลาดร่วมกันระหว่างสองประเทศได้เป็นอย่างดีทั้งการต่อยอดซอฟต์เพาเวอร์ด้านอาหารของไทยในเมนูต่างๆ และอาหารท้องถิ่นประจำภาคมาพัฒนาวัตถุดิบจากอาหารทะเลนอร์เวย์ ร่วมกันได้ด้วย 

 

ทุกวันเสาร์ เราจะกินแซลมอน

 

นอกจากนี้ NSC  ยังจะใช้กลยุทธ์ความร่วมมือระหว่างพันธมิตรรายต่างๆ  ระหว่างเอกชนในอุตสาหกรรมเกี่ยวกับอาหารต่างๆ ทั้งซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านสาขาอาหาร ฯลฯ เพื่อส่งมอบ (Supply) อาหารทะเลจากนอร์เวย์ มาให้ถึงมือผู้บริโภคคนไทยให้ได้ง่ายที่สุด

ขณะเดียวกัน ยังได้สำรวจเชิงลึกผู้บริโภค (Consumer Insight) พบข้อมูลน่าสนใจของคนไทยโดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ จะมีการรับประทานปลาแซลมอนกันที่บ้านหรือมีกิจกรรมนัดสังสรรค์ในทุกวันหยุดสุดสัปดาห์ และจึงเป็นที่มาของการทำแคมเปญ ‘Salmon Saturday’ ชวนทุกคนมากินปลาแซลมอนกันทุกวันเสาร์ !! ซึ่งจะเริ่มเปิดตัวแคมเปญฯ ใน้ดือนเมษายน นี้

พร้อมกันนี้ NSC ยังเลือก ญาญ่า-อุรัสยา เสปอร์บันด์ นักแสดงสาว ซึ่งเธอยังเป็นลูกครึ่งผสมสองสัญชาติไทยและนอร์เวย์ มาร่วมเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับอาหารทะเลนอร์เวย์ต่อเนื่องปีที่ 3 อีกด้วย

“การเลือก ญาญ่า มาร่วมงานกับ NSC ยังสื่อถึงความสัมพันธ์ในการทำตลาดนอร์วีเจียนซีฟู้ดในไทยได้เป็นอย่างมาก ซึ่งทาง NSC ยังได้เชิญนักแสดงสาวดังกล่าว ไปเยี่ยมชมฟิชฟาร์มต้นกำเนิดการทำประมงในนอร์เวย์ เพื่อให้รับทราบข้อมูลที่ชัดเจนและพร้อมถ่ายทอดออกมาได้ตรงตามจริงในการสื่อสารการตลาดอีกด้วย” แอน ขยายภาพให้ชัดขึ้น

 

ปีทองฉลองสัมพันธ์ ‘120 ปี ไทย-นอร์เวย์’

 

พร้อมเสริมต่อว่า NSC ยังเตรียมจัดกิจกรรมเทศกาลครั้งใหญ่  Seafood from Norway Festival ในเดือนกันยายน ปีนี้ ณ ศูนย์การค้าดิเอ็มสเฟียร์ (The Emsphere) เพื่อสร้างความผูกพันธ์ระหว่างผู้บริโภคชาวไทยที่มีต่อ ความสด อร่อย ในรสชาติของอาหารทะเลจากนอร์เวย์ ทั้งปลาแซลมอน, ปลาฟยอร์ดเทราต์ และ ปลาซาบะ ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

 “การจัดงานเฟสติวัลฯในปีนี้ ยังมีความสำคัญด้วยยังร่วมการเฉลิมฉลองครบรอบ 120 ปี ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยและนอร์เวย์ ”  แอน เสริมว่า “และเพื่อให้สมกับการเป็นบิ๊กเยียร์ ภายในงานฯ ยังจัดกิจกรรมร่วมสนุกต่างๆ เพื่อให้ผู้เข้ามาร่วมงานมีโอกาสลุ้นตั๋วเครื่องบินเดินทางไปประเทศนอร์เวย์ อีกด้วย”

เธอ บอกอีกว่า จากกิจกรรมและแคมเปญดังกล่าว NSC มองว่า จะมีส่วนอย่างมากในการผลักดันกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั้งสองประเทศได้เป็นอย่างดี ซึ่งยังรวมถึงด้านการท่องเที่ยวในทางอ้อมเห็นได้จากมีสายการบินให้บริการเที่ยวบินระหว่างกรุงเทพฯ-ออสโล จำนวนมากในปัจจุบัน โดยแคมเปญฯ จะเริ่มวันที่ 15 พ.ค.ปีนี้

แอน ปิดท้ายว่า จากแนวทางดังกล่าว เพื่อตอกย้ำแบรนด์ อาหารทะเลจากนอร์เวย์ ให้เป็นที่รู้จักและอยู่ในใจผู้บริโภคชาวไทยได้อย่างยั่งยืน จากในปัจจุบัน นอร์วีเจียนแซลมอน ครองส่วนแบ่งอันดับ1 สัดส่วน 71% ในตลาดปลาแซลมอน ประเทศไทย และยังเป็นผู้เล่นรายใหญ่ในระดับโลก 

TAGS: #อาหารทะเลนอร์เวย์ #Seafood #Norway #NSC #SeafoodfromNorway