‘จันต์สุดา’ แม่ทัพหญิงใหม่ ‘แกร็บ’ ประเทศไทย บอกการมี ‘Purpose’ ที่ชัดเจนจะทำให้การทำงานเติบโตตามเป้าหมาย เร่งแผนธุรกิจตามเศรษฐกิจภาพรวมเข้าถึงกำลังซื้อท้องถิ่น-นักท่องเที่ยว
หลังจาก ‘วรฉัตร ลักขณาโรจน์’ เตรียมยุติบทบาทผู้บริหารแกร็บ ประเทศไทย ในสิ้นเดือนมีนาคม ปี 2568 อย่างเป็นทางการ พร้อมส่งไม้ต่อตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ ให้กับ ‘จันต์สุดา ธนานิตยะอุดม’ ได้แสดงวิสัยทัศน์แกร็บที่กลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่เรียกว่า ‘Grab Day’ เป็นประจำในเดือนมีนาคม ของทุกปี
วรฉัตร กล่าวสรุปภาพรวม ‘แกร็บ’ ประเทศไทย ตลอดปี 2567 ที่ผ่านมาประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจด้วยแนวทางสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน ทั้งจากความร่วมมือให้การสนับสนุนนโยบายรัฐด้านการท่องเที่ยวด้วยบริการต่างๆที่เกี่ยวข้องในกลุ่มนักท่องเที่ยว ทั้งบริการเรียกรถผ่านแอป (ride hailing) และบริการสั่งอาหารเดลิเวอรี่ (Delivery) การให้บริการธุรกิจต่อธุรกิจ (B2B) การนำเทคโนโลยีใหม่เข้ามาทำงานร่วมกับพันธมิตรธุรกิจ และการขยายธุรกิจใหม่เพื่อให้ทุกกลุ่มเป้าหมายเข้าถึงบริการแกร็บ ได้มากขึ้น
ด้าน ‘จันต์สุดา’ กล่าวถึง ‘Mission’ การดำเนินธุรกิจหลังรับสวมหมวกผู้บริหารแกร็บ ประเทศไทย นับจากปี 2568 เป็นต้นไป ยังมุ่งให้ความสำคัญต่อการสนับสนุนนโยบายต่างๆ ที่ภาครัฐวางไว้ โดยเฉพาะในด้านการท่องเที่ยว พร้อมขยายธุรกิจบริการฟีเจอร์ใหม่ให้สอดคล้องกับระบบนิเวศ (ecosystem) ทั้ง ลูกค้า พันธมิตรธุรกิจ คนขับรถ (Rider) ร้านอาหาร (Restaurant) และ ร้านค้า (Merchant) ตลอดจนบริการด้านการเงิน (Grab Finance) และบริการอื่นๆ ที่สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจในภาพรวมเพื่อเข้าถึงกลุ่มต้องการราคาเข้าถึงได้ (Affordable) พร้อมเพิ่มบริการพิเศษเพื่อขยายกลุ่มกำลังซื้อวีไอพี (VIP)
“ทีมแกร็บ จะยังสร้างมูลค่าและการเติบโตธุรกิจไปต่อ ด้วยเพอร์โพสที่ชัดเจน ซึ่งจะให้การทำงานมีความสนุก และบรรลุเป้าหมาย” จันต์สุดา ย้ำพร้อมเสริมว่า “ ไทยเป็นหนึ่งในประเทศสำคัญของตลาดในภูมิภาคนี้ ที่ดำเนินการใน 8 ประเทศ ครอบคลุมมากกว่า 500 เมือง ด้วยฐานจำนวนผู้ใช้งานที่หลากหลายมากกว่า 44 ล้านราย และเป็นอันดับ1 ในบริการเดลิเวอรี่และไรด์เฮลลิ่ง”
โดยในปีนี้ แกร็บ ประเทศไทย จะดำเนินงานตามวิสัยทัศน์ ‘Lead with Purpose” มุ่งสร้างความได้เปรียบในเชิงการแข่งขันและตอกย้ำบทบาทของแกร็บ ในฐานะผู้นำซูเปอร์แอป ภายใต้ กลยุทธ์ ‘S.M.A.R.T’ ประกอบด้วย
1. S: Sustainability มุ่งสร้างความยั่งยืนในทุกมิติ ทั้งด้านธุรกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
2. M: Market Expansion ขยายบริการให้เข้าถึงคนทุกเจเนอเรชัน ล่าสุดได้เปิดตัว 4 หนุ่มสุดฮอต เจมีไนน์-โฟร์ท และ สกาย-นานิ ในฐานะ ‘Friends of Grab’ เพื่อดึงดูดกลุ่ม Gen Z และ Millennials เสริมทัพ ‘เบลล่า-ราณี’ ซึ่งเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ มาตอกย้ำความเป็นผู้นำอันดับหนึ่ง พร้อมผลักดันการใช้ฟีเจอร์บัญชีครอบครัว (Family Account) เพื่อขยายการให้บริการไปยังกลุ่ม Baby Boomer และ Gen Alpha ผ่านผู้ใช้บริการหลัก (Core User) ที่ต้องการเรียกรถให้กับสมาชิกในครอบครัว พร้อมขยายการเข้าถึงกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยร่วมกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมระดับประเทศ อย่างต่อเนื่อง
3. A: Affordability นำเสนอทางเลือกของบริการในราคาที่เข้าถึงได้
4. R: Retention รักษาฐานลูกค้าและมัดใจคนขับ-พาร์ทเนอร์ร้านค้า ด้วย GrabUnlimited โปรแกรมหลักให้ผู้ใช้บริการผ่านการมอบสิทธิประโยชน์และส่วนลดที่คุ้มค่า ครอบคลุมทุกบริการ ด้วยแพ็คเกจสมาชิกรายเดือน 19 บาทต่อเดือน หรือรายปี 99 บาทต่อปี
“ในปีนี้แกร็บ ยังได้พัฒนา GrabVIP หรือโปรแกรมสิทธิพิเศษเหนือระดับสำหรับผู้ใช้บริการที่มียอดใช้จ่ายสูงกว่า 30,000 บาทในระยะเวลา 3 เดือน อาทิ รับสิทธิ์ส่งอาหารไว (Priority Delivery) 5 ครั้งต่อเดือน และความช่วยเหลือพิเศษก่อนใคร (Priority Support) จากศูนย์ช่วยเหลือแกร็บ” จันต์สุดา กล่าว
สำหรับคนขับ แกร็บจัดเต็มสิทธิประโยชน์มากมายสำหรับคนขับที่ให้บริการดีอย่างต่อเนื่อง อาทิ ฟรีประกันรถจักรยานยนต์ และการลดอัตราดอกเบี้ยสำหรับบริการสินเชื่อเงินสด สำหรับคนขับ GrabBike และฟรีประกันสุขภาพสำหรับคนในครอบครัว สำหรับคนขับ GrabCar พร้อมจัดกิจกรรมเซอร์ไพรส์แจกรถยนต์-รถจักรยานยนต์ในช่วงเทศกาลสำคัญ เป็นต้น
ขณะที่ กลุ่มพาร์ทเนอร์ร้านค้า แกร็บยังพัฒนาบริการสินเชื่อเพื่อช่วยเสริมสภาพคล่องและเป็นทุนในการขยายธุรกิจให้กับกลุ่มผู้ประกอบการร้านอาหาร พร้อมพัฒนาประกันค้าขายหายห่วง เพื่อให้ความคุ้มครองผู้ประกอบการธุรกิจจากเหตุไม่คาดฝันด้วยวงเงินคุ้มครองสูงสุดถึง 5 ล้านบาท
5. T: Tech & Innovation พัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้คน โดย แกร็บได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ๆ ตั้งแต่ต้นปี อาทิ Advance Booking for Airport Pickups บริการจองรถล่วงหน้าเพื่อให้มารับที่สนามบินโดยสามารถระบุไฟลท์และเวลาเดินทางเพื่อเป็นข้อมูลให้กับคนขับได้ ซึ่งปัจจุบันได้ทดลองให้บริการแล้วที่สนามบินภูเก็ต
- GrabExecutive บริการเรียกรถล่วงหน้าระดับพรีเมียม รองรับกลุ่มนักธุรกิจและลูกค้าไฮเอนด์และนักท่องเที่ยว
- Book Table บริการสำหรับจองร้านอาหารเพื่อรับประทานที่ร้าน ซึ่งร่วมมือและเชื่อมต่อกับระบบของ Chope ซึ่งมีจุดแข็งในด้านระบบการจองร้านอาหาร
- การพัฒนา QR Payment เพื่อเพิ่มทางเลือกการชำระเงินให้กับผู้ใช้บริการ และแก้ปัญหาให้กับคนขับที่อาจมีเงินสดสำรองไม่เพียงพอ
ทั้งนี้ แกร็บ ได้เข้ามาดำเนินงานเป็นระยะเวลา 12 ปีในไทย ซึ่งจากผลการศึกษาของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ระบุว่ากิจกรรมทางธุรกิจต่างๆ ที่เกิดขึ้นในวงจรธุรกิจของ Grab ในปี 2566 ได้สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศไทยสูงถึง 1.79 แสนล้านบาท หรือคิดเป็น 1% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP)
ต่างชาติเรียกบริการรถโต 138%
จันต์สุดา กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมา แกร็บร่วมส่งเสริมการท่องเที่ยวให้กับประเทศไทย ผ่านกิจกรรมสำคัญทั้ง การเปิดให้บริการจุดรับ-ส่งในสนามบินหลักทั้ง 4 แห่ง อันได้แก่
- สนามบินสุวรรณภูมิ
- ดอนเมือง
- ภูเก็ต และเชียงใหม่
นอกจากนี้ ยังทำแคมเปญเพื่อโปรโมตการท่องเที่ยวร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ตลอดทั้งปี โดยเฉพาะการส่งเสริมการท่องเที่ยวในจังหวัดเมืองรอง ควบคู่ไปกับการขยายบริการเรียกรถไปยังพื้นที่ใหม่ๆ และร่วมกับพันธมิตรภาคเอกชนต่างๆ ส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและผลักดันให้ไทยกลายเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวในภูมิภาค ทำให้ในปีที่ผ่านมา ยอดใช้บริการเรียกรถในกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติเติบโตขึ้น 138%
โปรแกรม SAVER ดันยอดใช้โต
สำหรับบริการสั่งอาหารแบบกลุ่ม ‘Group Order’ ได้รับความนิยมมากขึ้นมียอดสั่งอาหารเติบโตขึ้น 2 เท่า และ การปรับโฉมฟีเจอร์ Advance Booking หรือบริการจองล่วงหน้า โดยมียอดใช้บริการพุ่งขึ้นถึง 60% ในช่วงเทศกาล รวมถึงบริการ Dine Out Deals หรือการขายดีลพิเศษสำหรับการรับประทานที่ร้าน ซึ่งมียอดการใช้บริการเติบโตขึ้นกว่า 11 เท่า
“แกร็บ ยังเสนอทางเลือกใหม่ของบริการในราคาที่เข้าถึงได้ ผ่าน GrabCar SAVER และ GrabBike SAVER ซึ่งได้การตอบรับดีมาก ทำให้มียอดใช้บริการเติบโตขึ้นมากกว่า 4 เท่า พร้อมเพิ่มตัวเลือก Delivery SAVER ในบริการสั่งอาหาร ซึ่งมีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า รวมถึงการเปิดตัวซับแบรนด์ Hot Deals นำเสนอดีลลดแรงจากร้านอาหารดังทั่วประเทศ โดยในปีที่ผ่านมาช่วยให้ผู้ใช้บริการประหยัดเงินรวมกว่า 2 พันล้านบาท”
นอกจากนี้ แกร็บ ยังขยายธุรกิจในกลุ่มลูกค้าองค์กร (B2B) ด้วยบริการ GrabAds ที่ปรับรูปแบบจากการขายโฆษณาเป็นการนำเสนอโซลูชันการตลาดแบบสร้างสรรค์ (Creative Marketing Solutions) เพื่อช่วยให้ลูกค้าและพันธมิตรธุรกิจสามารถสร้างแบรนด์และยอดขายจากออนไลน์ไปสู่ออฟไลน์ และ บริการ Grab For Business เพื่อขยายกลุ่มเป้าหมายไปยังอุตสาหกรรมอื่นๆ จนมีฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นถึง 80%