ส.อ.ท.หวังมาตรการอุ้มสินเชื่อ -งานมอเตอร์โชว์กระตุ้นออเดอร์ หลัง 2 เดือนแรกยานยนต์ไทยยังไม่ดีขึ้น ห่วงสงครามราคาทำคนซื้อรถ EV ติดดอย
นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ ที่ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงสถานการณ์ยานยนต์เดือนกุมภาพันธ์ 2568 ว่า การผลิตรถยนต์ มีจำนวน 115,487 คัน ลดลง 13.62% เนื่องจากการผลิตขายในประเทศลดลง 21.26% โดยเฉพาะรถกระบะที่ยังคงลดลง 42.10% ตามยอดขายรถกระบะที่ลดลง และผลิตส่งออกลดลง 9.48% โดยเฉพาะรถยนต์นั่งลดลงถึง 47.01% ตามยอดส่งออกที่ลดลง
ทั้งนี้ส่งผลให้ 2 เดือนแรกของปีผลิตได้ 222,590 คัน ลดลง 19.29 % เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน โดยยอดผลิตของรถยนต์นั่งจำนน 74,277 คัน เท่ากับ 33.37% ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลง 27.85%แบ่งเป็น รถยนต์นั่ง Internal Combustion Engine จำนวน 32,349 คันลดลง 48.02 %
รถยนต์นั่ง Battery Electric Vehicle จำนวน3,907 คัน เพิ่มขึ้น 174.95 % รถยนต์นั่ง Hybrid Electric Vehicle จำนวน 33,629 คัน ลดลง 12.31 % ส่วนรถกระบะขนาด 1 ตัน ผลิตได้ 146,621 คัน เท่ากับ 65.87 % ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลง 12.22%
ด้านยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือนกุมภาพันธ์ 2568 มีจานวนทั้งสิ้น 49,313 คัน ลดลง 6.68% เป็นผลจากการเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินกับผู้ซื้อรถกระบะที่ยังคงลดลง 14.9 % คงต้องรอยอดจองรถยนต์ในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์ โชว์ ที่เริ่มวันที่ 26 มีนาคม ถึงวันที่ 6 เมษายน 2568 ที่สถาบันการเงินอาจปล่อยสินเชื่อรถกระบะมากขึ้น
ทั้งนี้ภายหลังรัฐมีมาตรการช่วยเหลือรถกระบะในโครงการ "รถกระบะพี่ มีคลังค้า" โดยให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม(บสย)ค้าประกันสินเชื่อซื้อรถกระบะซึ่งเป็นรถประกอบธุรกิจของประชาชนและเกษตรกรซึ่งถือเป็นครั้งแรกของประเทศไทย มีวงเงิน 5,000 ล้านบาทโดยเริ่มรับคำขอตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2568 ซึ่งอยู่ในช่วงงานบางกอกอินเตอร์เนชั่นแนลมอเคอร์โชว์ ถึง วันที่ 31 ธันวาคม 2568 เพื่อกระตุ้นยอดขายรถยนต์และส่งเสริมให้ SME ซื้อรถกระบะไปประกอบอาชีพและสร้างรายได้
อย่างไรก็ตามขอบคุณรัฐบาลโดยเฉพาะกระทรวงการคลังที่เห็นถึงความเดือนร้อนของผู้ประกอบอาชีพทุกภาคส่วน และเพื่อให้ยอดขายรถยนต์กระบะเพิ่มขึ้น จึงขอให้เร่งแก้กฎหมายให้ครอบคลุมถึงสถาบันสินเชื่อที่ไม่ใช่ธนาคาร และสถาบันสินเชื่อของบริษัทรถยนต์ได้เข้าร่วม “โครงการรถกระบะพี่ มีคลังค้า”
สำหรับ 2 เดือนแรกของปีรถยนต์มียอดขาย 97,395 คัน ลดลงจากปี 2567 ในระยะเวลาเดียวกัน 9.53% แยกเป็น รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ มีจานวน 61,388 คันเท่ากับร้อยละ 63 ของยอดขายทั้งหมด ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้ว 6.85 % ขณะที่รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์สันดาปภายใน (ICE) 23,787 คัน เท่ากับ 24.42% ของยอดขายทั้งหมด ลดลงจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วที่14.03 % และรถกระบะ 25,441 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้ว 16.31 %
ด้านการส่งออก รถยนต์สาเร็จรูป เดือนกุมภาพันธ์ ส่งออกได้ 81,323 คัน เพิ่มขึ้น 30.49% แต่ลดลง 8.34 % จากช่วงเดียวกันปีก่อน เพราะจะมีการเปลี่ยนรุ่นรถของรถยนต์นั่งบางรุ่น จึงชะลอการผลิต ทำให้ส่งออกลดลงในตลาดเอเชีย ยุโรป อเมริกาเหนือ อเมริกากลางและอเมริกาใต้
รวมถึงยังคงต้องติดตามการขึ้นภาษีนาเข้าสินค้ารถยนต์ของสหรัฐอเมริกาในวันที่ 2 เมษายน 2568 ว่าจะมีประเทศไหนบ้าง และบางประเทศคู่ค้าลดคาสั่งซื้อเพื่อรอความชัดเจนในนโยบายการขึ้นภาษีนาเข้าของสหรัฐอเมริกา บางประเทศคู่ค้ามีรถยนต์ไฟฟ้าราคาถูกเข้ามามีส่วนแบ่งเพิ่มขึ้น บางประเทศคู่ค้ามีกฎหมายควบคุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากประเทศขึ้น
ทั้งนี้ประเภทรถยนต์นั่ง ICE มีการส่งออก 10,297 คัน ลดลงจากปีก่อน 47.64 % รถยนต์นั่ง HEV 4,942 คัน ลดลง 30.16 % รถ PPV 13,137 คัน ลดลง 3.83 % ขณะที่ภาพรวม 2 เดือนแรก ส่งออกรถยนต์สาเร็จรูป 143,644 คัน ลดลงจากช่วงระยะเวลาเดียวกัน 18.12%
นอกจากนี้ยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท BEV เดือนกุมภาพันธ์ 2568 จดทะเบียนใหม่ 7,375 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว 16.42 % โดย2 เดือนแรกมียอดจดทะเบียนใหม่สะสม 22,086 คัน ส่วนประเภท HEV เดือนกุมภาพันธ์ 2568 จดทะเบียนใหม่ 12,050 คัน และมียอดสะสม 2 เดือน 25,595 คัน
อย่างไรก็ตามยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท HEV ณ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 มีจำนวน 494,816 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 33.90%
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า สถานการณ์ยานยนต์เดือนก.พ. ยังไม่ถือว่าดีขึ้น ยอดผลิต การส่งออก และยอดขาย ยังลดลง โดยหลังจากนี้ต้องติดตามช่วง 2 เดือนข้างหน้าผลของมาตรการที่ให้บสย.ค้ำประกันสินเชื่อรถกระบะ จะได้รับความสนใจแค่ไหนจะทำให้มีการปล่อยสินเชื่อรถยนต์เพิ่มขึ้นหรือไม่
“หากต้องการให้เศรษฐกิจโต 3% ปัจจัยเรื่องยอดขายรถยนต์ก็มีส่วนเพราะจะทำให้การผลิตมากขึ้น ยอดขายดี คนมีงานทำยอดหนี้ลดลง ชำระหนี้ได้ เพิ่มอำนวจซื้อให้คนไทย แต่ตอนนี้ยังเห็นว่าการปล่อยสินเชื่อรถยนต์ยังลดลงมาก สะท้อนว่าสถาบันการเงินยังเข้มงวดสินเชื่อ ไม่ใช่แค่รถกระบะ แต่รวมไปถึงรถยนต์ EV บางรุ่น เกิดสงครามราคา มีการปรับลดราคาลง จนมองกันว่าซื้อวันนี้ติดดอย คนซื้อทีหลังได้เปรียบกว่า”