“พิชัย” เผย ครม. เห็นชอบหลักการ พ.ร.ก. เพิ่มอำนาจ กลต. สกัดปั่นหุ้น ป้องกัน Naked Short Selling วางโทษปรับและอาญาที่รุนแรง
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เผย คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบร่างพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ...โดยเหตุผลและความจำเป็นที่ต้องออกร่างพ.ร.ก.ฉบับนี้ เนื่องจาก ตลาดหลักทรัพย์หากย้อนหลัง 1 ปีที่ผ่านมาอยู่ในสภาวะที่ทรงตัว อยู่ที่ 1,600-1,700 จุด และค่อยลดลงมาอยู่ที่ระดับ 1,400-1,500 จุด และสิ่งที่ทำให้ความเชื่อมั่นในตลาดหลักทรัพย์หายไปคือ ไม่เชื่อมั่นว่า กฏหมายของเราจะสามารถกำกับหรือดูแลของหลักทรัพย์ในตลาดได้อย่างทั่วถึง ซึ่งตัวที่มีปัญหามากสุด คือ การขายหลักทรัพย์โดยที่ยังไม่มีหลักทรัพย์อยู่ในครอบครอง (การขายชอร์ต) (Short Selling) ซึ่งพบว่า มีการซื้อขายชอร์ตเป็นปริมาณสูงมาก Naked Short Selling หรือ การขายหุ้นออกแล้วซื้อหุ้นคืนทีหลัง ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ เพราะในขณะนั้นมีปริมาณสูง
นายพิชัย กล่าวว่า เรื่อง Short Selling เป็นเรื่องปกติไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมาย ทุกประเทศอนุญาตอยู่แล้ว แต่Naked Short Salling ผู้ที่ไม่มีหุ้นอยู่ในมือแล้วนำหุ้นไปขาย และไปซื้อคืนมาทั่วโลกไม่อนุญาต แต่ในกระบวนการตรวจสอบ ไม่สามารถไปกำกับได้ เพราะเราสามารถกำกับได้ภายในประเทศเท่านั้น เพราะการซื้อขายกับต่างประเทศ ไม่ได้เข้าระบบของก.ล.ต. โดยสิ่งที่เราแก้ไขคือ การเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจสอบและการกำกับดูแลการขายหลักทรัพย์โดยที่ยังไม่มีหลักทรัพย์อยู่ในครอบครอง (การขายชอร์ต) และเมื่อมีการออกกฎหมายฉบับนี้ เมื่อทราบว่ามีการซื้อจากต่างประเทศ คนทำจะมีโทษปรับและโทษอาญาที่ค่อนข้างรุนแรง และคิดว่า สามารถปราบได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด และค่อนข้างเป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วน
นายพิชัย กล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีการแจ้งที่ประชุมคณะรัฐมนตรีรับทราบ ถึงเหตุผลและความจำเป็น ซึ่งจะพบว่า กรณีใหญ่ๆที่พบความเสียหายเป็นหมื่นล้าน เนื่องจากกระบวนการสกัดกั้นอาจไม่ทันท่วงที ดังนั้นจึงได้มีการยกระดับการทำหน้าที่ของผู้ประกอบวิชาชีพในตลาดทุน เพิ่มความเข้มแข็งของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียนให้เข้มงวดมากขึ้น
นายพิชัย กล่าวว่า ร่างพ.ร.ก.ฉบับนี้ ยังมีการกำหนดสิทธิของผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ให้ครอบคลุมถึงการดำเนินการแทนผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ในกระบวนการฟื้นฟูกิจการและล้มละลาย ต้องไปดูว่า ผู้ถือหุ้นกู้กลุ่มไหนได้รับการดูแลหรือไม่ ไม่ใช่ว่า ใครมือยาวสาวได้สาวเอา และต้องเข้าไปกำกับถึงการฟื้นฟูองค์กร ว่า ให้ความเป็นธรรมกับผู้ถือหุ้นทั้งรายใหญ่รายย่อย และสมเหตุสมผลหรือไม่ ตลอดถึงการล้มละลายหากฟื้นฟูไม่ได้ จะมีการแบ่งส่วนแบ่งให้ผู้ถือหุ้นอย่างไร เพื่อกำกับตั้งแต่เริ่มมีปัญหาทุจริต การไล่จับและการฟื้นฟู จนจบกระบวนการล้มละลาย
นายพิชัย กล่าวอีกว่า บางกรณีพื้นฐานหุ้นดี ผลประกอบการดี แต่อยู่ๆหุ้นลง เพราะมีข่าวว่าผู้ถือหุ้นรายใหญ่บางรายได้นำหุ้นไปจำนองไว้ หรือนำไปลงทุนอย่างอื่น เมื่อถูกปัญหาหุ้นลงมา ก็ถูก Forced sell หรือการบังคับขาย ดังนั้นอาจจะต้องเพิ่มมาตรการทางกฎหมายเพื่อให้กรณีเหล่านี้ตรวจสอบได้ ทั้ง การกระทำผิด และมีมาตรการยับยั้งความเสียหาย เช่น หาก กลต. พบว่า อาจจะมีการทุจริตในโครงการขนาดใหญ่ หรือ กลต.อาจน่าสงสัยว่า เกิดการซื้อขายหุ้นที่อาจเอื้อประโยชน์ให้แก่ผู้บริหารหรือไม่ ก็สามารถเข้าไปชี้และยับยั้งตั้งแต่ต้น
นอกจากนี้ นายพิชัย กล่าวว่า ครม.เห็นชอบในหลักการให้กลต.สามารถเป็นพนักงานสอบสวนในคดีได้ แต่ในทางปฏิบัติเชื่อว่า กลต.กับดีเอสไอ ไม่ได้ทำทุกคดีจะทำเฉพาะคดีใหญ่ๆ ซึ่งประเด็นการสอบสวนจะเป็นหน้าที่ของกลต.ที่ไปทำความเข้าใจกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และจะมีการมอบหมายให้เลขากฤษฎีกาช่วยดูรายละเอียด
นายพิชัย กล่าวว่า การดำเนินการเรื่องนี้เพื่อดูแลตลาดหลักทรัพย์ เพื่อทำให้สภาวะเศรษฐกิจเกิดความเชื่อถือในประเทศ ดังนั้น การทำสิ่งเหล่านี้มันสอดคล้องกับประเทศต่างๆที่เจอปัญหาเดียวกัน เช่น ในสหรัฐอเมริกา หรือเกาหลีใต้
ทั้งนี้ คาดว่า กฤษฎีกาจะใช้เวลาในการพิจารณารายละเอียดประมาณ 2 สัปดาห์ ซึ่งหากตรงตามหลักการก็จะมีการประกาศเป็นพรก.ต่อไป
นายพิชัย ยืนยันด้วยว่า ได้มีการสำรวจความเห็นนักลงทุนต่างประเทศมาแล้ว ซึ่งเห็นด้วยและบอกว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะเป็นการสร้างความเชื่อมั่น ส่วนหลังจากนี้จะไปกำหนดว่ามีจำนวนการซื้อขายหุ้นในระดับเท่าไหร่ถึงต้องเปิดเผย