ยูไนเต็ดฯ วางกลยุทธ์เอไอ เรดดี้ฯ ดึงธุรกิจไทยเปลี่ยนผ่านสู่ยุคเอไอพร้อมวางโครงสร้างดิจิทัลปลอดภัยแกร่ง คลุม 4 ด้านหลัก รับเทรนด์โลกลงทุนAI ใน3 ปีหน้าแตะ 632 พันล้านดอลล่าร์ฯ  

สันติ เมธาวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม (CO-CEO) บริษัท ยูไนเต็ด อินฟอร์เมชั่น ไฮเวย์ จำกัด (ยูไอเอช :UIH )  กล่าวว่า ผู้ให้บริการโซลูชั่นโครงข่ายดิจิทัลครบวงจร (Digital Technology Service Provider) กล่าวแผนธุรกิจในปี 2568 มุ่งให้ความสำคัญการขยายฐานลูกค้าทุกกลุ่มอุตสาหกรรม ในการเปลี่ยนผ่าน (Tranforms) ธุรกิจสู่ดิจิทัลและ AI ได้อย่างมั่นใจ ไร้กังวล ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มในโลก

“ในปีนี้ ธุรกิจทุกขนาดต่างเผชิญกับความท้าทายในการปรับตัวให้ทันกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในเศรษฐกิจที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน องค์กรต้องขับเคลื่อนการเติบโตผ่าน S-curve ใหม่ๆ แต่ยังต้องรักษาความคล่องตัวและประสิทธิภาพในการดำเนินงาน”  สันติ กล่าวพร้อมเสริมว่า “ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI จะมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้ธุรกิจสามารถบริหารจัดการทั้งคน เทคโนโลยี และทรานส์ฟอร์มสู่อนาคตได้อย่างมั่นใจ”   

โดยสอดคล้องกับ IDC สถาบันวิจัยตลาดสหรัฐอเมริกา คาดการณ์ค่าใช้จ่ายด้านเทคโนโลยี AI ทั่วโลกจะมีมูลค่ากว่า 632 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐภายในปี 2571 เฉพาะ Generative AI (GenAI) เติบโต 59.2% ต่อปี

ขณะที่ ผลสำรวจการใช้ AI ล่าสุดในประเทศไทย โดยสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ( สพธอ.,ETDA) ร่วมกับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช. , NSTDA) พบองค์กรการวางเป้าหมายการใช้ AI ในไทยดังนี้

• ใช้เพื่อบริหารจัดการภายในองค์กร 69.6% 
• เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน 59.8%
• สร้างมูลค่าเพิ่มให้ผลิตภัณฑ์บริการ  56.8%

จากแนวโน้มดังกล่าว บริษัทฯ มองเห็นโอกาสทำตลาดโซลูชั่นผลิตภัณฑ์และบริการด้วยเทคโนโลยี AI แบบครบวงจรครอบคลุมทั้งด้าน เครือข่าย, มัลติคลาวด์, ความปลอดภัยทางไซเบอร์ และการปรับปรุงระบบแอปพลิเคชันให้ทันสมัย

ด้าน ‘เบญจ เบญจรงคกุล’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม (CO-CEO) UIH  กล่าวว่า  UIH  กำหนดกลยุทธ์ AI-Ready Provider for the Future of Business  โดย UIH มีความพร้อมให้บริการ AI ครอบคลุม 4 เรื่องหลักได้แก่

1. AI-Optimized Connectivity With Secure, Intelligent Networks การเชื่อมต่ออัจฉริยะและปลอดภัย ขับเคลื่อนด้วย AI ยกระดับเครือข่ายและการเชื่อมต่อด้วยความสามารถของ AI เพื่อให้สามารถปรับตามเวิร์คโหลดได้อย่างชาญฉลาด เช่น SD-WAN ที่ขับเคลื่อนด้วย AI และรองรับการจัดการทราฟฟิกอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมเชื่อมต่อคลาวด์อย่างปลอดภัยผ่านแนวคิด SASE (Secure Access Service Edge) ที่ผสานการตรวจจับภัยคุกคามด้วย AI และโครงสร้างสถาปัตยกรรม Zero Trust เพื่อสร้างความมั่นใจในการเข้าถึงจากทุกที่ ทุกเวลา
2. AI-Ready Cloud: Scalable, Secure & Multicloud-Optimized โครงสร้างคลาวด์และดาต้าเซ็นเตอร์ ที่พร้อมรองรับ AI ที่ปลอดภัย และออกแบบให้เหมาะกับมัลติคลาวด์ รองรับการประมวลผล AI ด้วยโซลูชันคลาวด์ที่ปรับแต่งมาเฉพาะ พร้อมรองรับสภาพแวดล้อมแบบมัลติคลาวด์ และมีการปกป้องเวิร์คโหลดและข้อมูล AI อย่างรอบด้าน ทั้งในด้านความปลอดภัยและความสอดคล้องกับกฎหมายและข้อกำหนดภายในประเทศไทย
3. Next-Gen Cybersecurity: Zero Trust, Quantum Security & AI-Powered Defense ยกระดับการป้องกันด้วยการออกแบบสถาปัตยกรรมและโซลูชันแบบ Zero Trust พร้อมระบบตรวจจับและตอบสนองภัยคุกคามแบบเรียลไทม์ด้วย AI รองรับการป้องกันและฟื้นตัวจากการโจมตี เช่น แรนซัมแวร์ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เตรียมพร้อมรับมือภัยคุกคามยุคใหม่ด้วย Quantum Security และเสริมความแข็งแกร่งด้วยโซลูชันด้านความปลอดภัยสำหรับ AI (AI Security Solution) ป้องกันการใช้ AI อย่างไม่เหมาะสม และลดความเสี่ยงจากข้อมูลรั่วไหลหรือการตัดสินใจที่ผิดพลาด พร้อมบริการ AI Governance ที่ช่วยองค์กรวางกรอบนโยบายและแนวปฏิบัติในการใช้ AI อย่างปลอดภัย โปร่งใส เป็นธรรม และสอดคล้องกับข้อกำหนดทางกฎหมายและจริยธรรม
4. AI-Driven Transformation Service. Smarter Data & Intelligent Decision-makings ยกระดับระบบแอปพลิเคชันและโครงสร้างข้อมูลขององค์กรให้พร้อมสำหรับการทรานส์ฟอร์มด้วย AI อย่างแท้จริง ผ่านบริการ Modernized Application ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับเวิร์คโหลด AI โดยเฉพาะ ผสานกับโซลูชัน Big Data และแพลตฟอร์ม Data Lakehouse สำหรับการบริหารจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ พร้อมด้วยบริการ Agentic AI ที่สามารถพูดคุย รับข้อมูล วิเคราะห์ และตัดสินใจได้แบบเรียลไทม์ ช่วยให้องค์กรเปลี่ยนผ่านสู่การตัดสินใจที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลได้อย่างชาญฉลาดและแม่นยำ

“UIH พร้อมเป็นพันธมิตรธุรกิจที่เข้าใจทั้งความท้าทายด้านต้นทุนและความจำเป็นในการเติบโต เพื่อก้าวสู่อนาคตอย่างมั่นใจ กับโครงสร้างพื้นฐานที่พร้อมสำหรับโลกแห่ง AI อย่างเต็มรูปแบบ” เบญจ กล่าว