เด่นหล้า เติมเข้มข้นหลักสูตรเรียนนานาชาติเต็มรูปแบบ รับเทรน์เด็กเกิดใหม่ลดลงหนุนครอบครัวรุ่นใหม่เต็มใจจ่ายการศึกษาคุณภาพสูงให้ลูก ดันตลาดฯ 8.7 หมื่นล. ขยายตัว
ผศ. ดร. ต่อยศ ปาลเดชพงศ์ กรรมการบริหารเด่นหล้ากรุ๊ป ผู้บริหารโรงเรียนนานาชาติ DLTS International School เปิดเผยว่าจากข้อมูลศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุตลาดการศึกษาโรงเรียนนานาชาติในไทยมูลค่ากว่า 87,000ล้านบาทในปี 2567 และมีแนวโน้มขยายตัวราว 9-10% ต่อเนื่อง แม้จำนวนเด็กเกิดใหม่มีอัตราลดลง สะท้อนถึงความต้องการลงทุนด้านการศึกษาคุณภาพสูงให้กับพ่อแม่ ผู้ปกครอง หรือ ครอบครัวของคนรุ่นใหม่ ในปัจจุบัน
จากแนวโน้มดังกล่าว DLTS International School ได้ลงทุนกว่า 600 ล้านบาท สร้าง อาคารเรียนและ Club House (Gymnasium/Sport Center) แห่งใหม่ พร้อมขยายหลักสูตรสู่ระดับ Grade 9 โดยมีกำหนดเปิดใช้งานในปีการศึกษา 2568
“การลงทุนครั้งนี้ เพื่อเพิ่มพื้นที่การเรียนรู้พร้อมยกระดับจากโรงเรียน 3 ภาษา สู่ โรงเรียนนานาชาติเต็มรูปแบบ ที่ตอบโจทย์เทรนด์การศึกษาแห่งอนาคตด้วยแนวคิด Personalized Learning ซึ่งเป็นที่ต้องการของ ครอบครัวยุคใหม่และเจนเนอเรชั่นวาย ที่พร้อมจ่ายเพื่อการศึกษาคุณภาพสูงให้ลูก” ผศ. ดร. ต่อยศ กล่าว
สำหรับอาคารใหม่ ดังกล่าว มี 2 ส่วนหลัก ประกอบด้วย
- ตึกวิชาการ (Academic Building) ห้องเรียนมาตรฐานสากล พร้อมอุปกรณ์การสอนที่ทันสมัย ออกแบบมาเพื่อรองรับ หลักสูตร International Baccalaureate (IB) ที่ได้การยอมรับในระดับโลก รวมถึง STEM Lab และ Robotics Center เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และ
- ตึกกิจกรรม (Club House / Sport Center) ยิมเนเซียมขนาดใหญ่ สำหรับกีฬาหลากหลายประเภท เช่น บาสเกตบอล ฟุตซอล และแบดมินตัน รวมถึงสตูดิโอศิลปะและดนตรี และSwimming Pool มาตรฐาน สำหรับว่ายน้ำและการแข่งขัน
เติมทักษะอนาคต
นอกจากนี้ DLTS ยังมีแผนขยายชั้นเรียนถึง Grade 9 ในปี 2568 โดยมุ่งเน้นการเรียนรู้แบบ Project-Based Learning และ STEM Education ซึ่งเป็นแนวทางที่มหาวิทยาลัยชั้นนำทั่วโลกให้ความสำคัญ และยังให้ความสำคัญกับ ทักษะภาษาที่ 3 โดยเฉพาะภาษาจีน เพื่อเตรียมความพร้อมให้นักเรียนก้าวสู่ตลาดงานในยุคที่เศรษฐกิจจีนขยายตัว
ผศ. ดร. ต่อยศ กล่าวว่า ปัจจุบันอัตราการเกิดของเด็กไทยจะลดลง แต่ตลาดโรงเรียนนานาชาติยังเติบโต 9-10% ต่อปี สะท้อนความต้องการการศึกษาคุณภาพสูงจากผู้ปกครอง Gen Y ที่มองหาสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูก
โดยมี 5 ปัจจัยขับเคลื่อนความนิยมโรงเรียนนานาชาติในไทย ประกอบด้วย
- ครอบครัวยุคใหม่ให้ความสำคัญกับการศึกษา ผู้ปกครอง Gen Y ตอนปลายพร้อมลงทุนเพื่อการศึกษาที่ช่วยพัฒนาทั้ง วิชาการและทักษะชีวิต เช่น Critical Thinking, Communication และ Collaboration
- Personalized Learning: การเรียนรู้เฉพาะบุคคล โรงเรียนนานาชาติออกแบบการสอนให้เหมาะกับ Style การเรียนรู้ของเด็กแต่ละคน รวมทั้งใช้ AI และ Data Analytics เพื่อปรับหลักสูตรให้ตรงกับความสนใจของผู้เรียน
- หลักสูตรอนาคต: STEM, Coding, AI โรงเรียนนานาชาตินำหลักสูตรที่ตอบโจทย์โลกดิจิทัล เช่น Artificial Intelligence, Robotics, และ Data Science
- เตรียมความพร้อมสู่มหาวิทยาลัยระดับโลกด้วยหลักสูตร IB และการสอบมาตรฐานสากล เช่น IELTS, SAT นักเรียนมีโอกาสสอบเข้า มหาวิทยาลัย Top Tier ทั่วโลก
- มาตรฐานการศึกษาสากล โรงเรียนนานาชาติได้รับการรับรองจากองค์กรระดับโลก เช่น CIS, WASC, และ IBO ทำให้ผู้ปกครองมั่นใจในคุณภาพ
เรียนรู้เฉพาะตอบโจทย์ Gen Alpha
นอกจากนี้ DLTS ยังมุ่งการเรียนการสอนแบบ Personalized Learning ทั้งการปรับหลักสูตร ไปพร้อมสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ที่หลากหลาย เช่น กิจกรรมเสริมทักษะต่างๆ เช่น ดนตรี กีฬา ศิลปะ และการแสดง Project-Based Learning ให้นักเรียนลงมือทำจริง และ flexible Classroom ที่ออกแบบมาเพื่อการเรียนรู้แบบกลุ่มและเดี่ยว
“Personalized Learning จึงเป็นเทรนด์การศึกษาแห่งอนาคต เนื่องจาก เด็ก Gen Alpha เรียนรู้เร็วและต้องการการตอบสนองที่รวดเร็ว การเรียนรู้ที่ปรับได้ตาม Style แต่ละคน ช่วยเพิ่ม Engagement พัฒนาทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 เช่น Creativity, Problem-Solving และ Digital Literacy” ผศ. ดร. ต่อยศ ปาลเดชพงศ์ กล่าว
3 กลยุทธ์ 3 ปีเพิ่มนร.1,000 คน
ด้าน ดร.เต็มยศ ปาลเดชพงศ์ กรรมการบริหารเด่นหล้ากรุ๊ป และผู้อำนวยการบริหาร โรงเรียนนานาชาติ DLTS เปิดเผยต่อว่า สำหรับกลยุทธ์การตลาดและแผนขยายตัวของ DLTS ตั้งเป้าเพิ่มจำนวนนักเรียนเป็น 1,000 คน ภายใน 3 ปี ด้วยกลยุทธ์หลัก 3 ด้าน คือ
- เปิดตัวแคมเปญ Open House และ Roadshow จัดกิจกรรมเปิดบ้านเพื่อให้ผู้ปกครองและนักเรียนสัมผัสบรรยากาศการเรียนรู้ ร่วมมือกับ EdTech Startup เพื่อนำเสนอเทคโนโลยีการศึกษาใหม่ๆ
- มอบทุนการศึกษาเพื่อดึงดูดนักเรียนเก่ง มี ทุนการศึกษาสำหรับ Grade 2-7 สำหรับเด็กที่มีผลการเรียนดีหรือความสามารถพิเศษ
- ขยายความร่วมมือกับองค์กรระหว่างประเทศสร้าง Partnership กับมหาวิทยาลัยและบริษัทชั้นนำเพื่อเพิ่มโอกาสในการฝึกงานและการศึกษาต่อ
ขณะที่ กลุ่มเป้าหมายหลักของ DLTS คือ ครอบครัวคนไทยและชาวต่างชาติที่อาศัยในประเทศไทย ซึ่งให้ความสำคัญกับการศึกษาที่มีคุณภาพและการพัฒนาทักษะที่หลากหลายของบุตรหลาน
“โรงเรียนยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะแห่งอนาคต โดยมีวิชา AI and Innovation เพื่อปูพื้นฐานด้าน Coding และ Programming รวมถึงหลักสูตรพิเศษหลังเลิกเรียนที่หลากหลาย เพื่อเตรียมความพร้อมให้นักเรียนสู่โลกอนาคตที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ด้วยทีมครูผู้สอนที่มีคุณภาพและประสบการณ์ โดยสรรครูผู้สอนที่มีวุฒิตรงและมีประสบการณ์ไม่ต่ำกว่า 2 ปี เพื่อให้นักเรียนได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพสูงสุด” ดร.เต็มยศ กล่าวปิดท้าย