กระทรวงพาณิชย์ ย้ำบทบาทกำกับดูแลการนำเข้าสินค้าเป็นไปตามพันธกรณีระหว่างประเทศและหลักการค้าเสรี เปิด 3 มาตรการคุมนำเข้าสินค้าไม่มีมาตรฐาน กระทบต่อความมั่นคง
นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ เป็นหน่วยงานที่มีภารกิจในการส่งเสริม สนับสนุน และกำกับดูแลการค้าของประเทศทั้งระบบเพื่อให้ระบบเศรษฐกิจของประเทศเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยมี พ.ร.บ. การส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า พ.ศ. 2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติม เป็นเครื่องมือหลักทางกฎหมายในการกำหนดมาตรการที่ไม่ใช่ภาษี (Non- Tariff Measures :NTMs) ซึ่งเป็นเสมือนเกราะป้องกันประเทศจากสินค้าที่ผิดกฎหมาย ไม่มีคุณภาพมาตรฐาน ขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชนเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ ชีวิต และสิ่งแวดล้อม
สำหรับกฎหมายฉบับนี้ให้อำนาจกระทรวงฯ กำหนดมาตรการกำกับดูแลการนำเข้าทั้งเพื่อการอนุวัติการตามพันธกรณีตามความตกลงระหว่างประเทศที่ไทยต้องปฏิบัติตามและในกรณีที่มีความจำเป็นต้องควบคุมการนำเข้าเพื่อปกป้องผลประโยชน์สำคัญของประเทศในด้านต่าง ๆ ซึ่งภารกิจดังกล่าวเป็นไปตามเงื่อนไขที่ WTO อนุญาตให้รัฐภาคีสามารถกระทำได้ภายใต้ข้อยกเว้นทั่วไปของ GATT โดยในทุกกรณีจะมีการพิจารณาความจำเป็นและเหมาะสมของมาตรการที่จะกำหนดโดยหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างรอบด้านและคำนึงถึงกฎกติกาสากลอย่างรอบคอบ เพื่อให้มั่นใจได้ว่ามาตรการที่ พณ. กำหนดขึ้นจะสามารถบังคับใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ขัดต่อหลักการค้าเสรี และไม่สร้างอุปสรรคต่อการค้าระหว่างประเทศมากเกินความจำเป็น เพื่อรักษาสมดุลระหว่างการปกป้องผลประโยชน์ของประเทศและการบริหารการค้าระหว่างประเทศตามหลักการค้าเสรี
ปัจจุบันกระทรวงมีการบังคับใช้มาตรการควบคุมการนำเข้าที่สำคัญ เช่น 1.การห้ามนำเข้าสินค้าตามข้อมติ UNSC ด้านการคว่ำบาตร และสินค้าที่ส่งผลกระทบต่อการสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมของประเทศ เช่น ขยะเทศบาล ขยะอิเล็กทรอนิกส์ บุหรี่ไฟฟ้า รถยนต์ที่ใช้แล้ว ภาชนะบรรจุอาหารที่มีสารตะกั่วหรือแคดเมียมเกินปริมาณที่กำหนด
2. การกำหนดให้สินค้าที่อาจก่อให้เกิดอันตรายหรือส่งผลกระทบต่อสังคมต้องได้รับการพิจารณาอนุญาตก่อนการนำเข้า
และ3. การกำหนดให้การนำเข้าสินค้าบางชนิดต้องมีหนังสือรับรองสุขอนามัย/สุขอนามัยพืช (Sanitary and Phytosanitary Measures:SPS) เพื่อยืนยันความปลอดภัยของสินค้า
ทั้งนี้ มาตรการต่าง ๆ ที่กระทรวงกำหนดขึ้นดังกล่าวเป็นมาตรการที่มีผลบังคับใช้เป็นการทั่วไปโดยไม่เลือกปฏิบัติต่อประเทศใดประเทศหนึ่งเป็นการเฉพาะ กล่าวคือ นอกจากมาตรการห้ามนำเข้าสินค้าคว่ำบาตรที่จำเป็นต้องเจาะจงประเทศต้องห้ามตามที่มติ UNSC กำหนดแล้ว ในส่วนของมาตรการกำกับดูแลการนำเข้าในกรณีอื่นทั้งหมดจะมีผลบังคับใช้กับการนำเข้าสินค้าทุกกรณีอย่างเท่าเทียมกันโดยไม่คำนึงถึงประเทศผู้ผลิตหรือประเทศต้นทางการขนส่งสินค้าแต่อย่างใด