หอการค้าไทยกังวลสหรัฐขึ้นภาษี 36% ไม่ชัดเจน ฉุดออเดอร์สินค้าชะงักกระทบส่งออก เสนอตั้งทีมไทยแลนด์ เชิญนายกฯนั่งหัวโต๊ะดึงเอกชนร่วมระดมสมองประเมินภาพรวมเร่งแก้ปัญหา
ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการหอการค้าไทย เปิดเผยถึง ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากกรณีที่สหรัฐขึ้นภาษีนำเข้าไทย 36%ว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการยังมีความกังวลในเรื่องของอัตราภาษีที่ยังไม่มีความชัดเจน โดยเฉพาะคำสั่งซื้อล่วงหน้าเดือนเม.ย.-พ.ค.เมื่อมีการปรับอัตราภาษีใครจะรับผิดชอบ และจะต้องคำนวณในช่วงเวลาไหน ทำให้ยังไม่สามารถขนส่งสินค้าลงเรือได้ ขณะที่ผู้นำเข้าต้องชะลอการสั่งซื้อสินค้าล็อตใหม่ออกไปก่อนเพื่อรอให้อัตราภาษีนิ่งกว่านี้
สำหรับการออกมาตรการ 5 แนวทางในการรับมือการปรับขึ้นภาษีสหรัฐ ของรัฐบาลนั้น เป็นเรื่องที่ก่อนหน้านี้ได้หารือกับภาคเอกชนไปแล้วบางส่วน และคิดว่ามาถูกทาง ซึ่งบางเรื่องหากลดภาษีนำเข้าได้เลยก็ควรทำ
ขณะเดียวกันประเด็นที่ต้องให้ความสำคัญคือปัญหาการสวมสิทธิ์แหล่งกำเนิดสินค้าใช้ไทยเป็นแหล่งส่งออกจากประเทศเพื่อนบ้าน ทางกระทรวงพาณิชย์ได้ออกมากำกับดูแลให้เข้มงวดขึ้นแล้ว ซึ่งสังเกตได้จากสินค้ากลุ่มใดมีการส่งออกที่สูงมาก แต่กำลังการผลิตในประเทศกลับไม่ขยายตัว
“จากนี้ไปคงต้องติดตามคืนวันที่ 9 เม.ย. ของสหรัฐอีกครั้งว่า จะมีรายละเอียดของการปรับภาษีออกมาอย่างไร จะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ส่วนการประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้นกับการส่งออกนั้น ตอนนี้ยังไม่ขอพูดถึงตัวเลขเสียหาย แต่เสียโอกาส ถ้ามีการขยายเวลาขึ้นภาษีออกไปถึงเดือนก.ค. ส่งออกเดือนเม.ย.-พ.ค. กระทบไม่มาก”
ดร.พจน์ กล่าวว่า ขณะนี้วิกฤตเกิดขึ้นรอบโลก ดีมานด์ซัพพลายเพี้ยนไปหมด ดังนั้นการเจรจาต่อรองกับสหรัฐอยากให้รัฐบาลตั้งทีมไทยแลนด์พิเศษขึ้นมาดูแลเรื่องนี้ในภาพรวม ไม่ใช้เฉพาะกรณีสหรัฐอย่างเดียว โดยมีทั้งภาครัฐและเอกชนเข้าร่วม และมีนายกรัฐมนตรีนั่งเป็นประธาน เพื่อที่จะสามารถร่วมกันแก้ไขปัญหา ประเมินวิเคราะห์ข้อมูล และการสั่งการจากนายกฯที่ดำเนินการได้ทันที ซึ่งต้องแยกจากทีมเจรจาทำงานคนละส่วนกัน วันนี้หากเราไม่ทำอะไรเลยส่งออกเละแน่ อย่างไรก็ดีต้องขอบคุณรัฐบาลที่ออกมาเทคแอคชั่น เห็นความสำคัญ แม้ไม่ช้าแต่ก็ไม่เร็ว แต่ละยุทธศาสตร์ต้องเร่งทำงาน