บอร์ดทอท.รับทราบ‘ดร.กีรติ’ยื่นลาออกแจงเหตุผลกลับไปดูแลครอบครัว ขณะที่ฝากผลงานการยกระดับสนามบินไทยสู่ระดับโลก
รายงานข่าวจากที่ประชุมคณะกรรมการ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) ครั้งที่ 5/2568ว่า ที่ประชุม ซึ่งมีนายอภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย ประธานกรรมการ ทอท. เป็นประธานที่ประชุมได้รับทราบการลาออกของ นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ จากการดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการใหญ่ ทอท.ตามสัญญาจ้างผู้บงเจ็บป่วยด้วยโรคชรา
รวมทั้งการลาออกจากตำแหน่งกรรมการ ทอท. การดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการชุดย่อย และคณะอนุกรรมการที่สนับสนุนการปฏิบัติงานของคณะกรรมการ ทอท. ในทุกชุดที่ดำรงตำแหน่งในฐานะกรรมการ ทอท. โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 24 เมษายน 2568 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ที่ประชุมคณะกรรมการฯ มีมติแต่งตั้งให้ น.ส.ปวีณา จริยฐิติพงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายงานวิศวกรรมและการก่อสร้าง รักษาการตำแหน่งผู้อำนวยการใหญ่ ทอท.ตั้งแต่วันที่ 24 เมษายน 2568 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีการแต่งตั้งผู้อำนวยการใหญ่ ทอท.คนใหม่
อย่างไรก็ตาม การก้าวลงจากตำแหน่งของ ดร.กีรติ ถือเป็นการเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญ โดย AOT จะยังคงต่อยอดนโยบายการยกระดับมาตรฐานการให้บริการสนามบินในฐานะศูนย์กลางการบินระดับภูมิภาคและระดับโลกต่อไป ซึ่งภายใต้การบริหารงานของ ดร.กีรติ ที่มุ่งมั่นพัฒนายกระดับสนามบินไทยไปสู่ศูนย์กลางการบินในภูมิภาค ในฐานะประตูต้อนรับผู้เดินทางจากทั่วโลก ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการสนับสนุนภาคเศรษฐกิจ สังคม และการท่องเที่ยว เพื่อการเติบโตที่มั่งคงและยั่งยืน
ในปี 2568 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ได้รับการยอมรับในระดับโลก โดยได้รับการจัดอันดับจาก Skytrax ให้เป็นสนามบินที่ดีที่สุดในโลก (World’s Best Airport)ในอันดับที่ 39 ขยับขึ้นจากอันดับที่ 58 โดยขึ้นมา 19 อันดับจากปีก่อน และยังได้รับการจัดอันดับสนามบินที่พัฒนาได้ดีที่สุดของโลก (The World’s most Improved Airport) ในอันดับที่ 3 รวมทั้งยังได้รับรางวัลสนามบินที่สวยที่สุดในโลก (The World Most Beautiful List 2024) สาขาสถาปัตยกรรมดีเด่นด้านรูปลักษณ์อาคาร (Exterior) จากคณะกรรมการ The Prix Versailles Selection Committee ร่วมกับ UNESCO
ขณะที่ท่าอากาศยานดอนเมือง (ทดม.) ติดอันดับ 8 ของสนามบินสำหรับสายการบินต้นทุนต่ำที่ดีที่สุดในโลก (World’s Best Low-Cost Airline Terminals) ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการบินในภูมิภาคและมีท่าอากาศยานของไทยติดอันดับ 1 ใน 50 สนามบินที่ดีที่สุดในโลก และยังได้มีการเปิดให้บริการอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (Satellite1 – SAT1) และทางวิ่งเส้นที่ 3 ทสภ.เพื่อเพิ่มศักยภาพการรองรับผู้โดยสารจาก 45 ล้านคน เป็น 60 ล้านคนต่อปี ซึ่งเป็นก้าวสำคัญของ AOT ในการรองรับอนาคตการเดินทางของผู้โดยสารจากทั่วโลก
นอกจากนี้ ดร.กีรติ ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยีนวัตกรรมในอุตสาหกรรมการบินเพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้โดยสารและแก้ปัญหาความแออัดภายในสนามบิน ก้าวสู่ยุค Digital Transformation อย่างแท้จริง ครอบคลุมท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่ง เช่น การนำเอาระบบ Biometric มาใช้ในการระบุตัวตนของผู้โดยสารเพื่ออำนวยความสะดวก การเช็กอินด้วยความสะดวกผ่านระบบ CUSS / CUBD เป็นต้น
ทั้งนี้ตระหนักถึงความยั่งยืนเพื่อขับเคลื่อนสนามบินของ AOT สู่การเป็นต้นแบบท่าอากาศยานสากลชั้นนำที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Airport) โดยได้ผลักดันให้ ทสภ.เป็นสนามบินแห่งแรกในประเทศไทยที่ใช้พลังงานสะอาดมาผลิตพลังงานไฟฟ้า 37.81 เมกะวัตต์
รวมถึงการมีนโยบายเปลี่ยนยานพาหนะในสนามบินทั้งหมดเป็นระบบยานยนต์ไฟฟ้า ตลอดจนการติดตั้งสถานี EV Charge สำหรับรถโดยสารสาธารณะไฟฟ้า อีกด้วย แม้จะยังมีโครงการสำคัญอีกมากที่อยู่ระหว่างการดำเนินการและต่อยอดแต่การเปลี่ยนผ่านนี้จะไม่หยุดยั้งการพัฒนา AOT ในการเป็นองค์กรที่นำหน้าในด้านการบินและการบริการสนามบิน โดยจะยังคงเดินหน้าสู่อนาคตที่ยั่งยืนและสร้างประโยชน์ให้กับประเทศชาติและเศรษฐกิจในระดับโลกต่อไป