หากเปรียบ วอลต์ ดิสนีย์ เป็นเหมือนการเดินทางของชีวิตคนคนหนึ่ง คนคนนี้ก็ได้แสดงให้เราเห็นว่า การที่ชีวิตชีวิตหนึ่งจะสามารถสร้างอะไรดี ๆ ขึ้นมาได้นั้นต้องใช้เวลายาวนาน ต้องผ่านอุปสรรคมากมาย ต้องล้มเหลวหลายครั้ง และเรียนรู้ไปเรื่อย ๆ อย่างไม่จบสิ้น โดยหัวใจเบื้องหลังสิ่งเหล่านี้คือ “ความอดทน”
การอดทนไม่ใช่อดทนแบบไม่เข้าใจ ไม่รู้จุดหมายปลายทางว่าจะไปไหน ตรงนี้ดูได้จากคำพูดของคุณวอลเตอร์ อีเลียส ดิสนีย์ ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท เดอะ วอลต์ ดิสนีย์ จำกัด (มหาชน) ที่ว่า “ทุกความฝันสามารถเป็นจริงได้ หากเรามีความกล้าที่จะไล่ตามฝันนั้นไป”
เขาอดทนเพราะ ความฝัน!!
และวันนี้ หรือวันศุกร์ที่ 27 มกราคม 2023 คือวันที่บริษัท เดอะ วอลต์ ดิสนีย์ จำกัด (มหาชน) มีอายุครบ 100 ปี โดยบริษัทเจ้าของการ์ตูนชื่อดังอย่าง มิกกี้ เมาส์ เจ้าหนูกางเกงแดง รองเท้าเหลือง ที่เราชื่นชอบกันก่อตั้งเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 1923 โดย 2 พี่น้องอย่างคุณวอลเตอร์ อีเลียส ดิสนีย์ และคุณรอย โอลิเวอร์ ดิสนีย์ (พี่ชาย)
โดยในช่วงแรกของการเริ่มธุรกิจนั้นเกิดขึ้นในช่วงปี 1920 ภายใต้บริษัทที่ชื่อว่า Iwerks-Disney Commercial Artists ซึ่งทางคุณวอลเตอร์ อีเลียส ดิสนีย์ ได้ตั้งบริษัทนี้ร่วมกับคุณอับบ์ ไอเวิร์ค (Ub Iwerks) และผลลัพธ์ก็คือเจ๊ง เพราะทั้งคู่ยังเด็กและขาดประสบการณ์ในเรื่องธุรกิจ
หลังจากนั้น 2 ปีก็เปิดบริษัทที่ 2 ชื่อ Laugh-O-Gram Film, Inc. โดยเน้นการผลิตการ์ตูนสั้นอิงนิยายสำหรับเด็ก แต่สุดท้ายบริษัทก็เจอภาวะล้มละลายไม่รอดเหมือนเดิม แต่มีสิ่งหนึ่งที่หลงเหลือจากการเปิดบริษัทครั้งนี้ก็คือการ์ตูนเรื่อง Alices’s Wonderland
และเพราะการ์ตูนเรื่อง Alices’s Wonderland นี้เองที่กลายเป็นจุดกำเนิดปฐมบทเริ่มต้นความยิ่งใหญ่ในอีก 100 ปีถัดมาของบริษัท เดอะ วอลต์ ดิสนีย์ จำกัด (มหาชน) ยักษ์ใหญ่ของวงการบันเทิงโลกในวันนี้
วันนี้ เดอะ วอลต์ ดิสนีย์ เดินทางมาไกลเหลือเกินนับจากจุดเริ่มต้นของพวกเขาและสิ่งที่สะท้อนถึงความยิ่งใหญ่ของพวกเขาได้ดีก็คือ ตัวเลขมูลค่าตามราคาตลาด (Market Cap) ของบริษัท ณ วันที่ 1 มกราคม 2023 ซึ่งสูงถึง 197,850 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
และถ้ามองย้อนหลังไปสัก 22 ปี หรือในปี 2001 ที่มูลค่า 41,820 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับบริษัทพวกเขาเติบโตมากถึง 373% เลยทีเดียว โดยบริษัทเคยมีมูลค่าตามราคาตลาดสูงที่สุดถึง 357,150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในวันที่ 11 มีนาคม 2021
เดอะ วอลต์ ดิสนีย์ นั้นทำธุรกิจหลากหลายอย่างตั้งแต่ สวนสนุก, รีสอร์ท, ธุรกิจเรือสำราญ, เครือข่ายโทรทัศน์ และกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้บริษัทยังทำธุรกิจถ่ายทอดสดอีเว้นท์บันเทิง รวมไปถึงผลิตเนื้อหาทั้งในฝั่งภาพยนต์และทีวีซึ่งฉายผ่านบริการสตรีมมิ่งคอนเทนต์ดิจิทัลของพวกเขา
ธุรกิจของบริษัทแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ Disney Media and Entertainment Distribution (DMED: เครือข่ายทีวี บริการสตรีมมิ่งคอนเทนต์ และลิขสิทธิ์) และ Disney Parks, Experiences and Products (DPEP: สวนสนุก ความบันเทิง และกลุ่มผลิตภัณฑ์) ซึ่งทั้ง 2 กลุ่มต่างเกื้อหนุนกันและกันเพื่อช่วยสร้างการเติบโต
โดยกลุ่ม Disney Media and Entertainment Distribution นั้นยังแยกออกมาได้เป็นอีก 3 ส่วนด้วยกัน
1.Linear Networks คือ เครือข่ายทีวีเคเบิลทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น Disney, ESPN และ National Geographic และอื่น ๆ โดยในไตรมาส 1 ปี 2022 กลุ่มนี้ทำรายได้ไปถึง 7,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
2.Direct-to-Consumer คือ บริการสตรีมมิ่งคอนเทนต์อย่าง Disney+, Disney+ Hotstar, ESPN+, Hulu และ Star+ โดยในไตรมาส 1 ปี 2022 กลุ่มนี้ทำรายได้ไป 4,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
3.Content Sales/Licensing and Other คือ ขายเนื้อหาทั้งฝั่งทีวีและภาพยนต์ไปยังนิติบุคคลที่ 3 เช่นโรงภาพยนต์ หรือ ขายผ่านแผ่น DVD และ Blu-ray เป็นต้น
นอกจากนี้ยังรวมไปถึงการขายลิขสิทธิ์ละครบรอดเวย์ และบริการหลังการผลิตต่างอีกด้วย โดยในไตรมาส 1 ปี 2022 กลุ่มนี้ทำรายได้ไป 2,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ขณะที่ในกลุ่ม Disney Parks, Experiences and Products นั้นประกอบไปด้วยสวนสนุกและรีสอร์ทใน ฟลอริดา แคลิฟอร์เนีย ฮาวาย ปารีส ฮ่องกง และเซี่ยงไฮ้ นอกจากนี้ยังรวมไปถึงบริการทริปเรือสำราญและสถานที่พักต่างอากาศ
โดยในไตรมาส 1 ปี 2022 กลุ่มนี้ทำรายได้ไปถึง 7,2000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเมื่อมองเป็นรายได้รวมของทั้งบริษัทแล้ว รายได้จากแหล่งนี้คิดเป็นสัดส่วนมากถึง 62% เลยทีเดียว
เส้นทางการเติบโตใหม่ของ Disney
แน่นอนว่าโลกในวันนี้กำลังก้าวเข้าสู่ขอบเขตการแข่งขันใหม่ ๆ จากการมาของเทคโนโลยีอย่าง 5G, IOT, Cloud, Big Data และ AI
โดยผู้เชี่ยวชาญหลายฝ่ายก็เชื่อว่าเทคโนโลยีเหล่านี้ที่กำลังเติบโตในอัตราเร่งจะทำให้ธุรกิจโลกเสมือน หรือ เมตาเวิร์ส ขยับเข้าใกล้ความจริงเร็วขึ้นกว่าที่หลายคนคาดคิด และตรงนี้เองจะกลายเป็นสนามแข่งขันแห่งใหม่ของอุตสาหกรรมทั้งหลาย
และแน่นอนว่าทางบริษัท เดอะ วอลต์ ดิสนีย์ เองก็ได้เตรียมรับมือกับโอกาสครั้งนี้เอาไว้แล้ว โดยในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2022 บริษัทได้มีการแต่งตั้งคุณไมค์ ไวท์ (Mike White) ขึ้นดำรงตำแหน่งรองประธานอาวุโสฝ่าย Next Generation Storytelling and Consumer Experiences เพื่อรับภารกิจเป็นหัวหอกในการบุกธุรกิจเมตาเวิร์ส
การบุกธุรกิจเมตาเวิร์สของ ดิสนีย์ นั้นถือเป็นโอกาสครั้งใหญ่ของพวกเขาเพราะบริษัทมีทรัพย์สินทั้งทางกายภาพและทางปัญญาจำนวนมากอยู่ในมือที่เอื้อต่อการนำไปใช้ประโยชน์ในโลกเสมือนแห่งนี้
ไม่ว่าจะเป็นการนำเอาตัวการ์ตูนตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบันมาเปลี่ยนเป็น NFT หรือจะออก ‘โทเคน’ ใหม่เฉพาะของบริษัทเพื่อนำมาใช้เป็นเครื่องมือกำหนดกลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อสร้างระบบนิเวศน์ที่แข็งแกร่งยิ่ง ๆ ขึ้นไปก็สามารถทำได้เช่นกัน
พร้อมกับการมาของเทคโนโลยี VR/AR ดิสนีย์จะสามารถประสานโลกจริงและโลกเสมือนเข้ากันได้อย่างสมบูรณ์แบบซึ่งจะสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้คนผู้ใช้งานทั่วโลกได้ตื่นตาตื่นใจ
พร้อมกับคงความยิ่งใหญ่ของ เดอะ วอลต์ ดิสนีย์ ต่อไปหลังยุคการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งใหญ่ของโลก
เรื่อง : เอกพล มงคลพัฒนกุล