เดินทาง-ท่องเที่ยวพุ่ง หนุนร้านกาแฟในปั๊มโตด้วย ‘กาแฟพันธุ์ไทย' ขยายเพิ่ม 1,500 สาขา ขึ้นเบอร์2 ปี’66

เดินทาง-ท่องเที่ยวพุ่ง หนุนร้านกาแฟในปั๊มโตด้วย ‘กาแฟพันธุ์ไทย' ขยายเพิ่ม 1,500 สาขา ขึ้นเบอร์2 ปี’66
วิชัน 'พิทักษ์ รัชกิจประภา' กับการใช้กลยุทธ์เดียวในการทำธุรกิจปั๊มน้ำมัน PT ที่จะทำให้ ‘กาแฟพันธุ์ไทย’ มียอดขายโตวันโตคืนและพร้อมมากต่อการเป็นเบอร์2 ในสิ้นปี2566 และพาเข้าตลาดฯตามเป้าในอีก2 ปีหน้า

พิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) และ และบริษัท กาแฟพันธุ์ไทย จำกัด กล่าวว่าธุรกิจร้านกาแฟพันธ์ไทย ในไตรมาสแรกปี 2566 มียอดขายกว่า 350 ล้านบาท เติบโต 70% และโตจากสาขาเดิม 35% จากช่วงเดียวกันในปี 2565 ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ เป็นผลจากภาพรวมเศรษฐกิจฟื้นกำลังซื้อผู้บริโภค และและเดินทางท่องเที่ยวระหว่างจังหวัด ปัจจัยบวกที่ผลักดันให้ธุรกิจบริการสถานีน้ำมันและธุรกิจกาแฟพันธุ์ไทยเติบโตขึ้นพร้อมกัน

โอกาสตลาดกาแฟ ยังมีอีกมาก

ขณะที่ ภาพรวมของตลาดกาแฟในปัจจุบันที่เติบโตเป็นอย่างมาก โดยข้อมูลกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) หรือ ‘ดีพร้อม’ ระบุการบริโภคกาแฟในประเทศสูงถึง 70,000 ตันต่อปี ขณะที่ประเทศไทยผลิตได้เองเพียง 10,000 ตันต่อปีเท่านั้น

นอกจากนี้จากการศึกษาข้อมูลตลาดกาแฟโลก คาดการณ์ว่ามูลค่าตลาดกาแฟในช่วงปี 2564-2566 จะเติบโตอย่างต่อเนื่องปีละ 9% คิดเป็นมูลค่าสูงถึง 1.91 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ชี้ให้เห็นปัจจัยบวกของกาแฟในประเทศไทย ที่เต็มไปด้วยโอกาสเติบโตอีกมาก

4 กลยุทธ์ พา‘กาแฟพันธุ์ไทย’ขึ้นเบอร์2

ขณะที่แนวทางการดำเนินธุรกิจร้านกาแฟพันธุ์ไทย จากนี้ไปจะมุ่งขยายสาขานอกสถานีบริการน้ำมัน เพื่อนำแบรนด์เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคในวงกว้างมากขึ้น พร้อมวางตำแหน่งทางการตลาดแบรนด์กาแฟพันธุ์ไทย ที่มีจุดเด่นรสชาติเครื่องดื่มกาแฟที่มีความแตกต่างด้านเมนูจากวัตถุดิบคุณภาพสดใหม่ เพื่อเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ วัยทำงาน และ นักเดินทาง ด้วย 4 กลยุทธ์ หลัก ดังนี้

1.ขยายสาขาใหม่ทั่วประเทศ นอกสถานีบริการน้ำมัน PT ในสัดส่วนที่มากขึ้น ด้วยโมเดลการลงทุนผ่านแฟรนไชส์ ทั้ง 5 รูปแบบ คือ 1.  ช้อป เฮาส์ (Shop House) 2.ไดรฟ์ ทรู (Drive Tru) 3. ฟู้ด ทรัค (Food Truck) และ 4. สแตนด์ อะโลน (Stand Alone) โดยลงทุนผ่านแฟรนไชส์เป็นหลัก ซึ่งแต่ละโมเดลมีอัตราค่าธรรมเนียมการลงทุนแตกต่างกันอยู่ที่ 1.2-2.8 ล้านบาท คาดใช้ระยะเวลาคืนทุนราว 2 ปี

 “กาแฟพันธุ์ไทย จะขยายสาขาไปใจกลางเมืองในย่านธุรกิจที่มีกำลังซื้อสูง ทั้งกรุงเทพฯ ปริมณฑล รวมไปถึงหัวเมืองตามจังหวัดต่างๆ เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย ทั้งกลุ่มคนทำงานและคนรุ่นใหม่”  พิทักษ์ กล่าว

2. เสนอสินค้าใหม่จากวัตถุดิบท้องถิ่น ที่มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์และหาทานได้ยากของไทย พัฒนาเป็นเครื่องดื่มเมนูต่างๆ ต่อเนื่อง

3. เพิ่มไลน์สินค้ากลุ่ม Non-Beverage ด้วยสินค้ากลุ่มเบเกอรีและขนมอบ (Bakery & Pastry) ขนมแปรรูปจากชุมชนทั่วประเทศ (Pack Food) สินค้าที่ระลึกและของพรีเมียมจากแบรนด์ (Merchandising) รวมไปถึงเมล็ดกาแฟและกาแฟ ดริปพร้อมดื่มที่บ้าน เพื่อเพิ่มยอดขายต่อบิลให้มากขึ้น

และ 4. ขยายและรักษาฐานลูกค้าสมาชิก Max Card ในปัจจุบันที่มีกว่า 19 ล้านราย ซึ่งคาดว่าภายในปีนี้จะสามารถเพิ่มสมาชิกในระบบได้มากกว่า 21 ล้านรายทั่วประเทศ โดยจะเชื่อมโยงฐานข้อมูลสมาชิกมาวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค เพื่อพัฒนากลยุทธ์ในการสร้างยอดขายและเพิ่มความถี่ในการใช้บริการเพิ่มมากขึ้น

โดยวางเป้าหมายการขยายฐานสมาชิก Max Card Plus หรือบัตรแดง เพิ่มขึ้นกว่า 1 ล้านคน ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าประจำที่มี Brand Royalty และมีกำลังซื้อสูงกว่ากลุ่มทั่วไปมากกว่า 2 เท่า

คอลแล็บฯพันธมิตรสร้างสีสันตลาด

พิทักษ์ กล่าวว่าล่าสุดกาแฟพันธุ์ไทย ร่วมกับ ‘มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์’  นำร่องแคมเปญ “โพดจุกใจ ไร่สุวรรณ” พัฒนา 3 เมนูจากน้ำนมและเมล็ดข้าวโพดจากไร่สุวรรณ  คือ โพดลาเต้ โพดชาเขียว โพดโกโก้ เมนูละ 69 บาท พร้อมใช้งบลงทุนกว่า 10 ล้านบาท จัดกิจกรรมเทศกาล “Cornnival - คอร์นนี้ว้าว โพดจุกใจ ไร่สุวรรณ” โดยยกไร่ข้าวโพดมาไว้ใจกลางสยามสแควร์วัน มาสร้างสีสันแคมเปญฯ พร้อมตั้งเป้ายอดขายเติบโตขึ้น 20%  

ขณะที่ในไตรมาส3  กาแฟพันธุ์ไทย ยังวางแผน Refresh แบรนด์ใหม่ให้น่าสนใจ ต่อยอดแนวคิด ‘เวลาเป็นไท เวลาพันธุ์ไทย’ พร้อมเพิ่มการสื่อสารผ่านช่องทางต่างๆ เพื่อสร้างการรับรู้ของแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าวัยรุ่นและวัยทำงาน

จากแนวทางดังกล่าว บริษัทคาดว่าจะผลักดันให้ธุรกิจกาแฟพันธุ์ไทย มีกำไรเติบโต2 เท่าตัว และวางแผนขยายสาขาใหม่เพิ่มอีก 800 สาขาทำให้ในปี 2566 จะมีสาขารวมไม่ต่ำกว่า 1,500 สาขา  จากปัจจุบันร้านกาแฟพันธุ์ไทย เปิดให้บริการกว่า 600 สาขา แบ่งสัดส่วนสาขาในสถานีบริการน้ำมัน 60% และสาขานอกสถานีบริการน้ำมันอีก 40% สิ้นปีคาดมียอดขายไม่ต่ำกว่า 2,300 ล้านบาท จากไตรมาสแรกปีนี้อยู่ที่ 350 ล้านบาท

“แผนที่วางไว้จะทำให้ กาแฟพันธุ์ไทยขึ้นเป็นอันดับสองในตลาดธุรกิจร้านกาแฟ โดยอันดับ1 มีจำนวนสาขาไม่ต่ำกว่า 5,000 แห่ง และอันดับสองจำนวนมากกว่า 1,000 สาขา ขณะที่ตลาดกาแฟในภาพรวมมีมูลค่ากว่า 60,000 ล้านบาทแบ่งเป็นกลุ่มกาแฟในบ้านมากกว่า 50% และในกลุ่มเอาต์ ออฟ โฮม 2.7 หมื่นล้านบาท เติบโตต่อปี 9.5%” พิทักษ์​ กล่าว

สำหรับอัตราการเติบโตดังกล่าว บริษัทมองเห็นโอกาสทางการตลาดอีกมากในการขยายธุรกิจกาแฟพันธุ์ไทย แม้ว่าผู้เล่นรายใหญ่จะมีจำนวนสาขามากกว่าก็ตาม แต่จากพฤติกรรมของคนรุ่นใหม่ที่หันมาดื่มกาแฟต่อวันเพิ่มขึ้นและมีโอกาสใกล้เคียงกับผู้บริโภคยุโรปเฉลี่ยอยู่ที่ 700 แก้วต่อปี

เป็นที่1 มันเมื่อยคอ ขอไล่ล่าไปก่อน

พิทักษ์ กล่าวว่า “การจะขึ้นไปเป็นเบอร์ 1 ใน อนาคตหรือไม่นั้น ส่วนตัวมองว่าอยู่ข้างหลังแล้วสนุกกว่าด้วยเป็นฝ่ายไล่ล่าผู้นำ เพราะอย่างเมื่อปี 2551 ธุรกิจน้ำมันรายใหญ่โตกว่าเรา 40 เท่า PTG มีเพียง 1%  แต่ตอนนี้เราโต 20 เท่า ถ้าเป็นที่ 1 มันเมื่อยเพราะต้องหันหลังกลับไปมองบ่อยๆว่าใครวิ่งตาม และด้วยด้วยกลยุทธ์ที่เรามองไปข้างหน้าแบบนี้ก็จะนำมาใช้กับธุรกิจกาแฟพันธุ์ไทยเช่นกัน ด้วยเป้าหมายการนำธุรกิจเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในปี 2568”   

 

 

 

 

 

 

 

TAGS: #กาแฟพันธุ์ไทย #PT #ร้านกาแฟ