ปตท.สผ.โชว์กำไรปี’65 กว่า 7 หมื่นล้าน น้ำมันขาขึ้นดันรายได้พุ่ง 32%

ปตท.สผ.โชว์กำไรปี’65 กว่า 7 หมื่นล้าน น้ำมันขาขึ้นดันรายได้พุ่ง 32%
ปตท.สผ.ระบุ 2 ปัจจัยหลักดันรายได้โตตามเป้าหมาย ทั้งราคาผลิตภัณฑ์-โครงการปิโตรเลียมต่างประเทศ กวาดรายได้ 3.39 แสนล้านบาท พร้อมนำเงินส่งเข้าคลังได้ 6.2 หมื่นล้าน ขณะที่จ่ายปันผล 9.25 บาทต่อหุ้น

มนตรี ลาวัลย์ชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. กล่าวถึงผลการดำเนินงานของบริษัทของปี 2565  เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยสามารถรักษาระดับต้นทุนต่อหน่วย (Unit Cost) ที่ 28.36 เหรียญสหรัฐ  และมีปริมาณขายปิโตรเลียมเฉลี่ย (Sales volumes) 468,130 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน หรือเพิ่มขึ้น 12%  จาก 416,141 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวันในปี 2564

ทั้งนี้ส่วนใหญ่มาจากการผลิตปิโตรเลียมของโครงการในต่างประเทศ เช่น โครงการโอมานแปลง 61 และโครงการมาเลเซีย แปลงเอช รวมทั้ง โครงการในประเทศ ได้แก่ โครงการจี 1/61 ด้วย ในขณะที่ราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยในปี 2565 ปรับตัวสูงขึ้นตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก

ในปี 2565 บริษัทมีรายได้รวม 9,660 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 339,902 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32%  จากปี 2564 ซึ่งมีรายได้รวม 7,314 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 234,631 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 1,999 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 70,901 ล้านบาท

ขณะที่สามารถนำส่งรายได้ให้กับรัฐในรูปของภาษีเงินได้ ค่าภาคหลวง และส่วนแบ่งผลประโยชน์อื่น ๆ  ประมาณ 62,000 ล้านบาท เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนาประเทศด้านต่าง ๆ เช่น การพัฒนาชุมชน การศึกษา และการวิจัยและพัฒนา เป็นต้น

อย่างไรก็ตามจากผลประกอบการดังกล่าว คณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2566 ได้อนุมัติเสนอจ่ายเงินปันผลสำหรับปี 2565 ที่ 9.25 บาทต่อหุ้น ทั้งนี้ ปตท.สผ. ได้จ่ายสำหรับงวด 6 เดือนแรกไปแล้วในอัตรา 4.25 บาทต่อหุ้นเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2565 ส่วนที่เหลืออีก 5 บาทต่อหุ้น จะกำหนดวันให้สิทธิผู้ถือหุ้น (Record Date) เพื่อรับสิทธิในการรับเงินปันผลวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 และจะจ่ายในวันที่ 24 เมษายน 2566 ภายหลังได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นสามัญประจำปี 2566 แล้ว 

สำหรับปี 2566 ตั้งงบลงทุนไว้  5,481 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 191,818 ล้านบาท เพื่อรองรับแผนการดำเนินงานต่าง ๆ  ได้แก่ การเพิ่มปริมาณการผลิตปิโตรเลียมจากโครงการผลิตหลักที่สำคัญ ได้แก่ โครงการจี 1/61 โครงการจี 2/61 โครงการอาทิตย์ โครงการคอนแทร็ค 4 โครงการเอส 1 และโครงการผลิตในประเทศมาเลเซีย การเร่งผลักดันโครงการหลักที่อยู่ในระหว่างการพัฒนา ได้แก่ แหล่งลัง เลอบาห์ ในโครงการมาเลเซีย เอสเค 410 บี และโครงการโมซัมบิก แอเรีย 1 รวมถึง การเร่งการสำรวจในโครงการต่าง ๆ ในประเทศไทย มาเลเซีย และโอมาน

นอกจากนี้ ยังได้สำรองงบจำนวน 4,800 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 166,052 ล้านบาท  ซึ่งในช่วง 5 ปี (2566 - 2570)มีเป้าหมายขยายการลงทุนในธุรกิจใหม่ รองรับการเปลี่ยนผ่านทางพลังงาน โดยขณะนี้ บริษัทอยู่ในระหว่างการศึกษาและพัฒนาธุรกิจใหม่ต่าง ๆ เช่น ธุรกิจไฟฟ้า ธุรกิจพลังงานหมุนเวียน ธุรกิจ CCS  ธุรกิจการดักจับคาร์บอนและการใช้ประโยชน์ (Carbon Capture and Utilization  หรือ CCU) ธุรกิจไฮโดรเจนสะอาด รวมทั้ง การต่อยอดเทคโนโลยีที่บริษัทกำลังพัฒนาอยู่ไปสู่ธุรกิจเชิงพาณิชย์

นายมนตรี กล่าวว่า ปตท.สผ. กำลังมองหาโอกาสการลงทุนในธุรกิจใหม่ รองรับการเปลี่ยนผ่านของธุรกิจพลังงานเพื่อสร้างการเติบโตในอนาคต ควบคู่ไปกับการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อเป้าหมายการเป็นองค์กรคาร์บอนต่ำ เช่น การลงทุนในธุรกิจเกี่ยวกับพลังงานหมุนเวียน พลังงานรูปแบบใหม่ และนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัย โดยได้จัดตั้งบริษัทย่อยต่าง ๆ เพื่อรองรับการลงทุนดังกล่าว เช่น บริษัท เอ็กซ์พลอร์ เวนเจอร์ส (Xplor Ventures) ในรูปแบบ Corporate Venture Capital (CVC) เพื่อลงทุนในบริษัทสตาร์ทอัพ (Startup) ที่มีเทคโนโลยีใหม่ ๆ เป็นต้น

 

 

TAGS: #ปตท.สผ. #น้ำมันดิบ #โอมาน #ธุรกิิจไฟฟ้า