ส่งสัญญาณรัฐบาลใหม่เคาะมาตรการดูแลราคาดีเซล หลังคลังไม่ต่ออายุมาตรการลดภาษี ส่งผลราคาขายปลีกพุ่งลิตรละ 37 บาท ขณะที่สกนช.เผยยังพอมีเวลา
รายงานข่าวจากกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งจากกระทรวงการคลัง ว่า เมื่อวันที่ 12 พ.ค. 2566 นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลังได้ลงนามประกาศกฏกระทรวงกำหนดอัตราพิกัดภาษีสรรพสามิตดีเซล โดยจะไม่ต่ออายุมาตรการลดภาษีสรรพสามิตดีเซล 5 บาทต่อลิตร ที่จะสิ้นสุดในวันที่ 21 ก.ค. 2566 เนื่องจากต้องการให้รัฐบาลใหม่เข้ามาพิจารณาจะดำเนินนโยบายอย่างไร เพราะต้องประเมินรายได้จากภาษีดีเซลที่จะหายไปในปีงบประมาณด้วย
สำหรับการดำเนินนโยบายลดภาษีสรรพสามิตดีเซลในช่วงที่ผ่านมา ได้ปรับลดภาษี 7 ครั้ง ทำให้รายได้งบประมาณหายไป 158,000 ล้านบาท ดังนี้ วันที่ 18 ก.พ.-20 พ.ค.2565 (3 เดือน) ลดภาษีลิตรละ 3 บาท รายได้หายไป 18,000 ล้านบาท วันที่ 21 พ.ค.-20 ก.ค.2565 (2 เดือน) ลดภาษีลิตรละ 5 บาท รายได้หาย 20,000 ล้านบาท วันที่ 21 ก.ค.-20 ก.ย.2565 (2 เดือน) ลดภาษีลิตรละ 5 บาท รายได้หายไป 20,000 ล้านบาท
วันที่ 21 ก.ย.-20 พ.ย.2565 (2 เดือน) ลดภาษีลิตรละ 5 บาท รายได้หายไป 20,000 ล้านบาท วันที่ 21 พ.ย.2565-20 ม.ค.2566 (2 เดือน) ลดภาษีลิตรละ 5 บาท รายได้หายไป 20,000 ล้านบาท วันที่ 21 ม.ค.-20 พ.ค.2566 (4 เดือน) ลดภาษีลิตรละ 5 บาท รายได้หายไป 40,000 ล้านบาทและ วันที่ 21 พ.ค. - 20 ก.ค.2566 (2 เดือน) ลดภาษีลิตรละ 5 บาท รายได้หายไป 40,000 ล้านบาท
ด้านนายวิศักดิ์ วัฒนทรัพย์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง(สกนช.) กล่าวว่า สกนช.จะหารือกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อเตรียมแผนรับมือหลังมาตรการลดภาษีสิ้นสุดลงในวันที่ 21 ก.ค.นี้ โดยปัจจุบันกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจัดเก็บเงินจากดีเซลลิตรละ 5 .43บาทต่อลิตร ดังนั้นหากจะมีการปรับอัตราภาษีคงต้องติดตามราคาน้ำมันตลาดโลกในขณะนั้นควบคู่ไปด้วย
“ขณะนี้ยังพอมีเวลาในการพิจารณาเพราะมาตรการสิ้นสุดเดือนก.ค. อย่าตกใจว่าราคาจะขึ้นทันที 5 บาทต่อลิตร เพราะต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ ณ วันนั้นด้วย”
แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ยอมรับว่าการสิ้นสุดของมาตรการลดภาษีฯดีเซล 21 ก.ค. 66 จะเป็นไทมไลน์ที่ยังคงเป็นช่วงที่ยังไม่ได้รัฐบาลใหม่ทางกระทรวงฯคงต้องหารือกับสกนช. ที่จะทำแผนรับมือเอาไว้ และต้องหารือกับทางรัฐบาลรักษาการณ์ว่าจะดำเนินการอย่างไรเพื่อให้กระทบต่อประชาชนน้อยที่สุด หากในช่วงเวลาดังกล่าวราคาดีเซลตลาดโลกไปในทิศทางขาขึ้น และกองทุนฯไม่อาจจัดเก็บรายได้จากดีเซลเข้าสะสมมากพอ
อย่างไรก็ตามหากกองทุนน้ำมันฯ จัดเก็บเงินจากดีเซล ในช่วง 21 ก.ค.66 ได้มากเฉลี่ยระดับ 6-7 บาทต่อลิตร ถ้าราคาน้ำมันตลาดโลกลดลงต่อเนื่อง แม้ต้องขึ้นภาษีจะไม่มีผลกระทบต่อราคาขายปลีกดังนั้นระยะนี้หากดีเซลตลาดโลกลดลงสิ่งสำคัญคือต้องเร่งเก็บเงินสะสมเอาไว้เพื่อไม่ให้กระทบกับประชาชน
สำหรับฐานะกองทุนน้ำมันฯล่าสุด ติดลบอยู่ 72,731 ล้านบาทแยกเป็นหนี้บัญชี 26,111 ล้านบาท และบัญชีก๊าซ LPG 46,620 ล้านบาท