ยอดใช้น้ำมันพุ่งส่งสัญญาณเศรษฐกิจฟื้นตัว หนุนรัฐบาลใหม่เคาะ OIL PLAN

ยอดใช้น้ำมันพุ่งส่งสัญญาณเศรษฐกิจฟื้นตัว หนุนรัฐบาลใหม่เคาะ OIL PLAN
กรมธุรกิจฯคาดปีนี้ภาพรวมการใช้น้ำมันโต 7.4% ตามการฟื้นตัวเศรษฐกิจ การท่องเที่ยวคึกคัก รอรัฐบาลใหม่ไฟเขียว Oil Plan 2023 จ่อยกE20-ดีเซลB7 เป็นน้ำมันพื้นฐาน

น.ส.นันธิกา  ทังสุพานิช  อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เปิดเผยว่า ภาพรวมการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง รอบ 4 เดือน ของปี 2566 (เดือนมกราคม – เมษายน) เฉลี่ยอยู่ที่ 158.86 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 3.1 โดยคาดการณ์ในช่วงครึ่งปีหลัง การใช้น้ำมันเชื้อเพลิงทุกชนิดมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศอย่างเห็นได้ชัด

ทั้งนี้การใช้น้ำมันกลุ่มเบนซิน เฉลี่ยอยู่ที่ 31.86 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 5.8 การใช้น้ำมันกลุ่มดีเซล เฉลี่ยอยู่ที่ 74.63 ล้านลิตร/วัน ลดลงร้อยละ 3.4 เนื่องจากเดือนเมษายน 2565  มีการใช้น้ำมันกลุ่มดีเซลหมุนเร็วสูงเนื่องจากการคลายความกังวลของประชาชนจากการผ่อนปรนมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ส่งผลต่อการเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยวที่เพิ่มสูงขึ้น

ด้านการใช้น้ำมันอากาศยานเชิงพาณิชย์ (Jet A1) เฉลี่ยอยู่ที่ 13.89 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 92.4 ตามมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวของหลายประเทศ การใช้ LPG เฉลี่ยอยู่ที่ 17.18 ล้าน ก.ก./วัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 3.3  และการใช้ NGV เฉลี่ยอยู่ที่ 3.50 ล้านกก./วัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 6.4 

การนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิง ปริมาณการนำเข้ารวม เฉลี่ยอยู่ที่ 1,098,731 บาร์เรล/วัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 7.9 และการส่งออกน้ำมันสำเร็จรูป ปริมาณส่งออกรวม อยู่ที่ 151,539 บาร์เรล/วัน ลดลงร้อยละ 2.6 คิดเป็นมูลค่าส่งออกรวม 15,164 ล้านบาท/เดือน

อย่างไรก็ตามแนวโน้มการใช้น้ำมันจนถึงสิ้นปี 2566  จะมีการขยายตัว 7.4% เนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ต้องพึ่งพาการขนส่งและการใช้พลังงานปริมาณมาก โดย น้ำมันกลุ่มเบนซินปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.8 น้ำมันกลุ่มดีเซลปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.1 น้ำมันอากาศยานเชิงพาณิชย์ (Jet A1) ปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 23.7 น้ำมันเตาปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 20.2 และ LPG ปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.7

น.ส.นันธิกา  กล่าวถึง การจัดทำแผนบริหารจัดการน้ำมันเชื้อเพลิง( OIL PLAN) ว่าอยู่ระหว่างรอการจัดทำรับฟังความคิดเห็น และต้องดำเนินการควบคู่ไปกับแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ 2565-2580 (PDP 2023)  ซึ่งตามขั้นตอนจะต้องรอให้รัฐบาลชุดใหม่เข้ามาพิจารณา

สำหรับสาระสำคัญของ OIL PLAN  ประกอบด้วย 4 ด้าน 1.การกำหนดอัตราอัตราสำรองน้ำมันเชื้อเพลิงให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน 2. การบริหารจัดการชนิดน้ำมันในภาคขนส่ง ลดชนิดน้ำมันเชื้อเพลิงที่จำหน่ายในสถานีบริการน้ำมัน และส่งเสริมการใช้เชื้อเพลิงชีวภาพที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยกลุ่มเบนซินจะให้แก๊สโซฮอล์อี20 เป็นน้ำมันพื้นฐาน  ส่วนดีเซลจะปรับให้ดีเซลบี5และบี7 เหลือเกรดเดียวใช้ชื่อว่า ดีเซลหมุนเร็ว   และให้บี 20 เป็นน้ำมันทางเลือก

3.การส่งเสริมการใช้และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน โดยเพิ่มประสิทธิภาพระบบขนส่งน้ำมันทางท่อและส่งเสริมการติดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้าสาธารณะในสถานีบริการเชื้อเพลิง

และ4.ด้านการส่งเสริมธุรกิจใหม่ (New Businesses) ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สนับสนุนผู้ประกอบกิจการโรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียมที่จะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนผ่านพลังงาน เช่น โรงกลั่นชีวภาพ(Bio-Refinery) และพลังงานหมุนเวียน เป็นต้น

 


 

TAGS: #กรมธุรกิจพลังงาน #เศรษฐกิจฟื้น #OIL #PLAN