YDM เผยแบรนด์และองค์กร 85% ทรานส์ฟอร์มฯ การตลาดไม่สำเร็จ ต้องใช้ตัวช่วยเก็บข้อมูลลูกค้า จะเป็น “กระดูกสันหลัง” สำคัญเพิ่มประสิทธิภาพองค์กร
ธนพล ทรัพย์สมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายดีเอ็ม (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่าา จากการแข่งขันบนการตลาด 5.0 ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วตัวเร่งทุกอุตสาหกรรมทั่วโลกปรับตัวการทำตลาดด้วนเทคโนโลยี หรือ มาร์เก็ตติง ทรานส์ฟอร์เมชั่น” (Marketing Transformation) เข้าสู่งานการตลาด
เช่น การประยุกต์ใช้ AI ที่กำลังมาแรงในปัจจุบัน แม้จะมีหลายแบรนด์สามารถทรานส์ฟอร์มฯ ได้สำเร็จแล้วแต่กลับพบว่ากว่า 85% ยังไม่สามารถทำมาร์เก็ตติง ทรานส์ฟอร์มฯ ได้
โดย 3 อุปสรรคสำคัญที่ทำให้องค์กรไปต่อไม่ได้ คือ 1.วัฒนธรรมองค์กรไม่เปิดรับเทคโนโลยี 2.ไม่ต้องการใช้เพราะไม่มีความเชื่อหรือไม่มีความเชี่ยวชาญ คน ทรัพยากร และ 3.โครงสร้างองค์กร ยังไม่พร้อม รวมถึงกระบวนการทำงานภายในองค์กรที่ยังคงเป็น Traditional process
ธนพล กล่าวว่า ขณะที่หัวใจสำคัญการทำ Marketing Transformation มี 3 ประเด็นหลัก ๆ คือ 1. Prediction การทำนายผลลัพธ์ทางการตลาด เช่น การทำนายว่าผู้บริโภคมีแนวโน้มจะซื้อสินค้าอะไร ยอดซื้อเท่าไหร่ ผู้บริโภคแต่ละคนจะตอบสนองกับโปรโมชั่นหรือแคมเปญการตลาดที่ทำออกไปเช่นไร เป็นต้น
2. Personalization การออกแบบการทำการตลาดตอบสนองความต้องการเฉพาะบุคคลโดยหยิบยื่นข้อเสนอ หรือ รูปแบบการสื่อสารที่แตกต่างกันไปในแต่ละคน และ 3. Automation การทำการตลาดอัตโนมัติแบบเรียลไทม์ เพื่อนำเสนอสินค้าที่ตรงใจ ถูกที่ ถูกเวลา สะดวกและรวดเร็ว
"การจะทำได้ทั้งสามอย่างนั้น การรวบรวมและการจัดการ Data ที่เกี่ยวข้องจะมีความสำคัญอย่างมาก แบรนด์ต้องเปลี่ยนวิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลจากเดิมที่โฟกัสแต่ “ลูกค้าที่ทำธุรกรรม” (Customer Transactional Data) เปลี่ยนมาโฟกัส “ลูกค้าแบบองค์รวม” (Customer Holistic Data) คือ เก็บรวบรวมข้อมูลพฤติกรรมลูกค้าที่มีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์ในทุก ๆ Touch Points แทน” ธนพลกล่าว
ดังนั้น การใช้แพลตฟอร์ม CDP (Customer Data Platform) เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลลูกค้า ยกระดับจากการใช้ CRM มาเป็น CDP เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลผู้บริโภคตลอด Consumer Journey คือ ตั้งแต่ยังไม่ซื้อสินค้า จนมาซื้อสินค้าเป็นลูกค้า จนถึงหลังทำการซื้อสินค้าแล้ว
เช่น ข้อมูลการคลิกโฆษณา ข้อมูลการชมเว็บไซต์ ข้อมูลบน Social Media ข้อมูล POS ข้อมูลการใช้สิทธิพิเศษ, ข้อมูลการใช้บริการหลังการขาย ฯลฯ โดยรวบรวมข้อมูลทุกอย่างในทุกช่องทางให้มาอยู่ในที่เดียวให้ เมื่อสามารถดึง ข้อมูลทุกอย่างมาอยู่ในที่เดียวกันได้แล้ว ก็จะสามารถใช้ AI ในการวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคแบบเรียลไทม์
และทำนายพฤติกรรมในอนาคต และใช้ AI แบ่งเซ็กเมนต์ใหม่ ๆ เพื่อทำการตลาดเฉพาะบุคคล (Personalized Marketing) และ Marketing Automation ที่สามารถช่วยสร้างยอดขายได้จริง ด้วยต้นทุนทางการตลาดที่ถูกลง ด้วยเหตุนี้ CDP จึงขึ้นแท่นเป็น “กระดูกสันหลัง” ของการทรานส์ฟอร์มธุรกิจบนการตลาด 5.0
ธนพล กล่าวว่า จากงานวิจัยของ Proxima พบว่า องค์กรและแบรนด์ส่วนใหญ่ สูญเสียเงินถึง 40-60% ของงบการตลาดทั้งหมดไปกับการทำการตลาดที่ไม่ได้ก่อให้เกิดยอดขายใด ๆ การทรานส์ฟอร์มการตลาดด้วย CDP จะช่วยตัดค่าใช้จ่ายในส่วนของงบการตลาดที่ไม่จำเป็นออก พร้อมช่วยวิเคราะห์และแนะนำการใช้งบการตลาดที่ถูกต้องให้กับแบรนด์
นอกจากนี้ แบรนด์และองค์กรควรวางโรดแมปที่ชัดเจน 5 ขั้นตอน ในการทำ Marketing Transformation คือ 1.กำหนดเป้าหมายปลายทางที่ชัดเจน 2.ประเมินคุณค่าทางธุรกิจที่จะได้รับ 3.กำหนดผลลัพธ์ทางการตลาดที่ต้องการ 4.สรรหาและดำเนินการติดตั้งแพลตฟอร์ม หรือ ระบบ ด้าน Mar Tech ที่เหมาะสม และ 5. ส่งเสริมให้เกิดการใช้งานแพลตฟอร์มจริง เพื่อนำไปสู่ผลลัพธ์จริงตาม Output หรือ KPI ที่ตั้งไว้