จีนผู้นำ Bio-Tech ศตวรรษที่ 21 (ตอนที่ 1)

จีนผู้นำ Bio-Tech ศตวรรษที่ 21 (ตอนที่ 1)
เปิดเบื้องหลัง!! ทำไมจีนถึงเป็นผู้นำ ‘the Bio-Revolution’

ปัญหาใหญ่ของโลกทั้งหมดในศตวรรษที่ 21 ไม่ว่าจะเป็น การป้องกันโรคระบาด, เทคโนโลยีอาหาร, ความมั่งคงทางด้านอาหาร, สุขภาพของท้องทะเล และการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ทั้งหมดล้วนมีส่วนเกี่ยวข้องกับ ‘ชีววิทยา’ ทั้งสิ้น

และเมื่อ ชีววิทยา (Biology) เมื่อผสานเข้ากับการปฏิวัติข้อมูลสารสนเทศ (The information revolution) มันกำลังจะทำให้โลกก้าวเข้าสู่เส้นทางของ ‘การปฏิวัติทางชีววิทยา (the Bio-Revolution) ครั้งใหญ่ในระดับประวัติศาสตร์ ซึ่งมันจะมอบทั้งโอกาสทางธุรกิจและการลงทุนครั้งใหญ่ให้กับทุกประเทศบนโลกใบนี้

โอกาสเหล่านี้ทำให้บริษัทด้าน Biotechnology ของตะวันตกกำลังพยายามอย่างหนักเพื่อเข้าควบคุมอำนาจของข้อมูลขนาดใหญ่และปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อนำไปสู่การพัฒนาตัวยาใหม่และผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ โดยในแต่ละปีบริษัทของตะวันตกเหล่านี้สามารถสร้างรายได้นับพันล้านดอลลาร์สหรัฐจากเวชภัณฑ์และสิทธิบัตรที่พวกเขาเป็นเจ้าของ

แต่ตอนนี้พวกเขากำลังเจอศึกหนัก หลัง ‘ประเทศจีน’ กำลังเร่งเครื่องด้านนี้อย่างหนัก ซึ่งแนวโน้มดูแล้ว ยังไงก็คงแซงงหน้าเหล่าผู้นำเดิมจากฝากฝั่งตะวันตกได้อย่างไม่ยากเย็นอะไร และตอนนี้ทั้งหมดก็เป็นเรื่องของเวลาเท่านั้น

วันนี้หากจะบอกว่าจีนกำลังจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำอุตสาหกรรม Bio-Tech ในศตวรรษที่ 21 ก็คงไม่เกินเลยไปนัก เพราะตอนนี้ตลาดนี้ของจีนถือว่าใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกไปแล้ว

และคาดว่าไม่นานจากนี้บริษัทจากสหรัฐและยุโรปกำลังจะถูกแซงหน้า

<<<จากผู้ผลิตยาทั่วไปสู่ผู้สร้างนวัตกรรมยา>>>

ข้อมูลของทาง McKinsey & Company ในช่วงเดือนตุลาคม 2021 ผ่านรายงานที่ชื่อว่า ‘The dawn of China biopharma innovation’ พบว่า กำลังมีการเปลี่ยนแปงครั้งใหญ่ในระบบนิเวศน์ของชีวเภสัชภัณฑ์ (Biopharmaceutical) หรือ ยาชีวภาพ ในประเทศจีน จากการเล่นอยู่ในบทบาททั่วไป (ผู้ผลิตยาทั่วไป) ไปสู่การเป็นผู้สร้างนวัตกรรมด้านยาของโลกที่จะส่งผลต่อบทบาทในด้านการเมืองระหว่างประเทศของจีนให้โดดเด่นขึ้นอย่างชนิดที่ยากจะมีใครทาบรัศมีได้

มูลค่าของผู้เล่นในตลาดกลุ่มนี้จากจีนที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์หลักต่าง ๆ ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น the Nasdaq, Hong Kong Stock Exchange (HKEX) และ Shanghai Stock Exchange Science and Technology Innovation Board (STAR) พบว่าพุ่งขึ้นจาก 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2016 ไปสู่มากกว่า 380,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนกรกฎาคม 2021

ตรงนี้สะท้อนให้เห็นถึงนวัตกรรมด้านชีวเภสัชศาสตร์ของจีนในตอนนี้กำลังมุ่งหน้าอย่างรวดเร็วมากในระดับที่น่าตกใจเลยทีเดียว

และถ้านับเฉพาะบริษัท Biotechnology ที่กำเนิดขึ้นในจีนแบบแท้ ๆ เลยมูลค่าก็สูงถึง 180,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยในช่วง 4 ปีหลังมานี้บริษัทจากจีนเดินหน้าเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์แบบอัตราเร่ง

แค่ปี 2020 ปีเดียวก็มีการไอพีโอมากถึง 21 ราย นาทีนี้ต้องบอกว่าบริษัทของจีนกำลังเป็นผู้นำด้านการระดมทุน เพราะ 7 จาก 10 ของไอพีโอที่ใหญ่ที่สุดในโลกนับตั้งแต่ปี 2018-2020 เป็นบริษัทจากจีนทั้งหมด

จีนสามารถเพิ่มส่วนแบ่งตลาดนวัตกรรมด้านนี้ของโลกจาก 4.1% ในปี 2015 ไปสู่ 13.9% ในปี 2021 จากการที่พวกเขาสามารถค้นพบยาใหม่จำนวนมากพร้อมกับศักยภาพที่จะแก้ไขปัญหาความต้องการที่แท้จริงของตลาดภายในประเทศและต่างประเทศ

<<การโตก้าวกระโดดของจีนในนวัตกรรมเวชภัณฑ์>>

ขยับมาดูดัชนีนวัตกรรมด้านเวชภัณฑ์ของจีนที่แสดงพัฒนาการเร็วและช้าของจีนในด้านระบบนิเวศน์นวัตกรรมของ Biopharma 8 มิติ ระหว่างปี 2016-2020 พบว่า ทุกมิติของจีนตั้งแต่ปี 2016 เป็นต้นมา แนวโน้มเป็นขาขึ้นทั้งหมด

***หมายเหตุ***: 8 มิติสภาพแวดล้อมของนโยบายซึ่งแบ่งออกเป็น การกำกับดูแลและการเข้าถึงตลาด, เงินทุน, การวิจัยและพัฒนา, ผลลัพธ์ด้านนวัตกรรมท้องถิ่น, การผสานเข้ากับระดับโลก และค่าเฉลี่ยแต่ละมิติโดยรวม

โดยด้านมิติการกำกับดูแลจีนมีพัฒนาการค่อนข้างก้าวกระโดดและอาจจะถือว่ามากที่สุดในบรรดามิติทั้งหมดเลยก็ว่าได้ โดยตัวเลขด้านนี้จากการสำรวจในปี 2016 อยู่ที่ 4.0 เท่านั้น ขณะที่ในปี 2020 ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 6.2 เลยทีเดียว

โดยเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงนั้นของจีนต้องเรียกว่ายกเครื่องเลยทีเดียว ซึ่งปีใน 2015 จีนมีการปรับการกำกับดูแลครั้งใหญ่พร้อมเป้าหมายเดินหน้าเข้าสู่มาตรฐานสากล ปี 2017

การเข้าถึงการประชุมผ่านสภาระดับนานาชาติอย่าง International Council for Harmonisation of Technical Requirements for Pharmaceuticals for Human Use หรือ ICH ของจีนทำให้พวกเขาสามารถค้นพบยาใหม่ ๆ และพัฒนาระบบนิเวศน์ของตัวเองเพื่อผสานเข้ากับทั่วโลกได้อย่างต่อเนื่อง

ขณะเดียวกันก็ได้มีการเร่งมาตรการทบทวนยาตัวใหม่ ๆ รวมไปถึงการเพิ่มจำนวนสมาชิกของ the Center for Drug Evaluation (CDE) จาก 150 คนไปสู่มากกว่า 700 คนในปี 2018 เพื่อช่วยกันสะสางงานคงค้างกว่า 20,000 รายการให้จบใน 2 ปี (กว่า 600 คนเป็นสมาชิกจากภายนอก)

มีแอพพิเคชั่นยาใหม่มากกว่า 200 แอพพิเคชั่นนับตั้งปี 2016 – 2022 ที่ได้รับการอนุมัติจากหน่วยงาน CDE ซึ่งเป็นการยกระดับตลาดเวชภัณฑ์ยาของจีนไปสู่การเป็นผู้ให้บริการด้าน Intelligence and Analytics

ขนะเดียวกันจีนก็ทำหลายสิ่งคู่ขนานไปด้วย โดยทาง National Medical Products Administration (NMPA) ได้มีการปรับปรุงขั้นตอนการอนุมัติยาตัวใหม่ซึ่งจีนเริ่มทำเรื่องนี้มาตั้งแต่ปี 2016 และนั้นทำให้สัดส่วนของยา (ที่เกิดขึ้นใหม่) ภายหลังการปรับปรุงเพิ่มขึ้นจาก 14% ในปี 2016 ไปสู่ 77% ในปี 2019

พร้อมกันนั้นในปี 2018 ทาง NMPA ได้เพิ่มเงื่อนไขการอนุมัติบนพื้นฐานของข้อมูลการทดลองและการวิจัยในคน ตั้งแต่นั้นก็มี 34 เงื่อนไขที่ได้รับการอนุมัติ

ในเดือนกรกฎาคม 2020 ทาง Drug Registration Regulations ได้เปิดช่องทางสำหรับการยกระดับ ‘การบำบัดโรค’ พร้อมกับยามากกว่า 70 ชนิดได้รับการตั้งชื่อในช่วงเดือนสิงหาคม 2021 การปฏิรูปเหล่านี้ช่วยยกระดับพลังนวัตกรรมด้านนี้ของจีนแบบก้าวกระโดด

ขยับมาดูมิติที่ 2 แต่ยังคงอยู่ในหัวข้อใหญ่อย่างสภาพแวดล้อมของนโยบายอย่าง ‘การเข้าถึงตลาด’ มิตินี้ของจีนถือว่ามีคะแนนต่ำที่สุดจากทุกมิติที่สำรวจ แต่ในแง่ภาพใหญ่เฉพาะของมิตินี้ถือว่ามีแนวโน้มการเติบโตที่ดีมาก

โดยปี 2020 จากการสำรวจคะแนนจะอยู่ที่ 4.3 ปรับขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปี 2016 และในปี 2017 ทาง the National Reimbursement Drug หรือ NRDL ได้มีการช่วยให้ผู้ประกอบการเข้าถึงนวัตกรรมด้านยาได้กว้างมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามแรงกดดันด้านราคาทำให้คะแนนตรงนี้ยังคงต่ำต่อไป

จบตอนที่ 1

เรื่อง : เอกพล มงคลพัฒนกุล.

#Biotech #เวชภัณฑ์ #จีน #BioRevolution #chinabiotech #ชีววิทยา #Biology

TAGS: #Biotech #เวชภัณฑ์ #จีน #BioRevolution #chinabiotech #ชีววิทยา #Biology