สนค.คาดโฆษณาดิจิทัลทั่วโลกมีโอกาสทำมูลค่าสูง 8.3 แสนล้านดอลลาร์ฯ ชี้ Facebookครองแชมป์กวาดรายได้ ขณะที่ TikTok โตถึง 189% แนะไทยใช้สร้างโอกา
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า สนค. ได้ศึกษาวิเคราะห์เทรนด์การค้ายุคใหม่ที่เปลี่ยนแปลงไป พบว่า มูลค่าการใช้จ่ายด้านโฆษณาดิจิทัลทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยขยายตัวต่อเนื่อง แนะผู้ประกอบการไทยใช้โฆษณาดิจิทัลเป็นเครื่องมือสำคัญในการสื่อสารให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงสินค้า สร้างการรับรู้และเพิ่มแรงกระตุ้นในการตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการของผู้บริโภคโฆษณาดิจิทัล นับเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง
ทั้งนี้ในปี 2564 มีการใช้จ่ายด้านโฆษณาดิจิทัลทั่วโลกอยู่ที่ 5.225 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็น 8.358 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2569 สอดคล้องกระแสตลาดโฆษณาดิจิทัลในประเทศไทยที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องทั้งในช่วงก่อนและหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยข้อมูลผลสำรวจมูลค่างบโฆษณาผ่านสื่อดิจิทัลของประเทศไทยประจำปี 2565 จากสมาคมโฆษณาดิจิทัล (ประเทศไทย) (DAAT) ร่วมกับบริษัท คันทาร์ (ประเทศไทย) จำกัด พบว่า ประเทศไทยมีมูลค่าการใช้จ่ายด้านโฆษณาโดยรวมมากถึง 25,729 ล้านบาท เติบโตขึ้นร้อยละ 4 จากปีก่อนหน้า และคาดการณ์ว่าการใช้จ่ายด้านโฆษณาดิจิทัลจะเติบโตร้อยละ 7 จนมีมูลค่า 27,481 ล้านบาท ในปี 2566
เมื่อจำแนกตามการลงทุนในแต่ละช่องทางการลงโฆษณาบนสื่อดิจิทัลในไทย พบว่า ช่องทางโฆษณาบนสื่อดิจิทัลที่มีมูลค่าสูงสุด 5 อันดับแรกในปี 2565 ได้แก่ 1. Meta (Facebook และ Instagram) 8,748 ล้านบาท 2. YouTube 3,546 ล้านบาท 3.) สังคมออนไลน์ (Social) 2,209 ล้านบาท 4. วิดีโอออนไลน์ (Online Video) 2,162 ล้านบาท และ 5.โปรแกรมค้นหา (Search) 1,650 ล้านบาท
นอกจากนี้ ผลการสำรวจยังพบว่า การใช้เงินโฆษณาบนช่องทาง TikTok ในปี 2565 มีการเติบโตแบบก้าวกระโดด โดยมีมูลค่าการโฆษณาอยู่ที่ 1,048 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตที่ร้อยละ 189 จากปีก่อนหน้า
อย่างไรก็ตามตัวเลขการเติบโตที่ขยายตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องสะท้อนให้เห็นว่า ในยุคที่การตลาดดิจิทัลมีความสำคัญและมีอิทธิพลอย่างยิ่งต่อการประกอบธุรกิจนั้น โฆษณาดิจิทัลได้กลายเป็นช่องทางสำคัญที่จะช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขันและสร้างแรงกระตุ้นการตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี
ดังนั้นผู้ประกอบการควรให้ความสำคัญกับการทำการตลาดผ่านช่องทางนี้มากยิ่งขึ้น เนื่องจากโฆษณาดิจิทัลไม่เพียงแต่จะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถกำหนดและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการได้อย่างแม่นยำ แต่ยังมีความยืดหยุ่นทั้งในด้านต้นทุนและระยะเวลาในการสร้างโฆษณา
ขณะเดียวกันผู้ประกอบการยังสามารถใช้ประโยชน์จากโฆษณาดิจิทัลได้เพิ่มเติม อาทิ การนำข้อมูลผลตอบรับหรือยอดขายที่ได้จากการทำโฆษณามาวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้บริโภคและวางแผนเพื่อเพิ่มความสามารถทางการแข่งขันของธุรกิจให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
การขับเคลื่อนภาคเศรษฐกิจดิจิทัลถือเป็นประเด็นที่ทุกภาคส่วนควรให้ความสำคัญอย่างจริงจัง ซึ่งภาครัฐเองก็มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมและขับเคลื่อนการค้าในยุคดิจิทัลเช่นกัน โดยควรทบทวน ปรับปรุง และพัฒนาระเบียบ กฎเกณฑ์ และแนวปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับการค้าและการตลาดให้สอดคล้องกับบริบทที่เปลี่ยนแปลงไป โดยมุ่งเน้นให้เกิดการอำนวยความสะดวกทางการค้าควบคู่ไปกับการรักษาความเป็นธรรมทางการค้าและคุ้มครองผู้บริโภค
รวมถึงเร่งประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการและประชาชนทั่วไปทราบถึงสิทธิ หน้าที่ ช่องทางการร้องเรียน ตลอดจนกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง ในส่วนของภาคเอกชนก็ควรเร่งพัฒนาตนเองให้ทันต่อยุคสมัย โดยสามารถเข้าร่วมหลักสูตรอบรมของกระทรวงพาณิชย์เพื่อพัฒนาองค์ความรู้ด้านการดำเนินธุรกิจในโลกการค้ายุคใหม่ และเลือกใช้เทคโนโลยีรวมถึงช่องทางการโฆษณาดิจิทัลที่เหมาะสมกับธุรกิจและกลุ่มลูกค้า ซึ่งจะเป็นการยกระดับศักยภาพในการแข่งขันของตนเองให้เติบโตอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน