ลักซูรีแบรนด์ โตแรงไม่ยั้ง ‘สยามพิวรรธน์’’เปิดพื้นที่ Pop-Up เครื่องมือตลาด ย้ำจดจำไอเทมหรู

ลักซูรีแบรนด์ โตแรงไม่ยั้ง  ‘สยามพิวรรธน์’’เปิดพื้นที่ Pop-Up  เครื่องมือตลาด ย้ำจดจำไอเทมหรู
‘สยามพิวรรธน์’ มองเทรนด์แบรนด์หรูหราโตไม่หยุด ใช้เครื่องมือการตลาด ‘ป๊อป-อัพ สโตร์’ สร้างประสบการณ์ร่วมสินค้าลักซูรี สร้างทราฟิก 4.5 แสนคน/วัน

ในช่วงที่ผ่านมา แม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศ จะชะลอตัว ทว่าในกลุ่มสินค้าตลาดระดับบน หรือ ลักซูรี และ อัลตรา ลักซูรี กลับไม่มีทีท่าจะผ่อนแรง จากกำลังซื้อทั้งในและต่างประเทศ ที่ยังมีอำนาจการจับจ่ายสูง ทำให้แบรนด์ เจ้าของสินค้า นักการตลาด ต่างมองหาโอกาสใหม่ๆ เพื่อดึงดูดกำลังซื้อไฮ สเปนดิง ในกลุ่มนี้

 

เช่นเดียวกับ ‘สยามพิวรรธน์’ ผู้ดำเนินธุรกิจค้าปลีก ศูนย์การค้าไลฟ์สไตล์ สยามเซ็นเตอร์, สยามดิสคัฟเวอรี, สยามพารากอน, ไอคอนสยาม และ สยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต กรุงเทพ ที่มองถึงการทำตลาดผ่านการเปิด ป๊อป อัพ สโตร์   (Pop-up Store) ได้กลายเป็นกลยุทธ์ยอดนิยม และถูกนำมาใช้สำหรับการสร้างแบรนด์และแนะนำสินค้า

 

โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าแบรนด์หรูหรา (Luxury Brand) ที่ใช้เป็นเครื่องมือทางการตลาดในการนำเสนอคอนเซ็ปต์ใหม่ และคอลเลคชั่นพิเศษ ด้วยสามารถมอบประสบการณ์ที่แปลกใหม่ เพื่อดึงดูดให้ผู้คนและกลุ่มเป้าหมายได้เข้ามาสัมผัสกับประสบการณ์ร่วมกับสิ่งที่แบรนด์ได้มอบให้โดยตรง

 

ขณะที่ การสร้างประสบการณ์ลูกค้า (Customer Experience - CX) ที่น่าดึงดูดใจ เป็นหนึ่งในวิถีที่จะนำเสนอภาพลักษณ์และความโดดเด่นมีเอกลักษณ์ในแบบของตนเอง

 

ด้วยการออกแบบ จะช่วยแสดงจุดยืนของแบรนด์ ซึ่งจะเหมาะสมกับไลฟ์สไตส์ของคนรุ่นใหม่ ที่นิยมความแปลกใหม่ เต็มไปด้วยเรื่องราว ความมีชีวิตชีวา มีสีสันตื่นตาตื่นใจ สอดคล้องกับวิถีชีวิตสมัยใหม่ที่ทำให้แบรนด์เข้าไปอยู่ในกระแสของกลุ่มเป้าหมายได้รวดเร็ว

 

ขณะที่ สยามพิวรรธน์ ในฐานะผู้พัฒนาจุดหมายปลายทางระดับโลก และได้รับการยอมรับจาก กลุ่ม Luxury Brand จนกลายเป็นหมุดหมายในการเปิดแฟล็กชิปสโตร์และ Pop-up Store ที่มีความหลากหลายจำนวนมากที่สุด

 

ด้วย แบรนด์หรู ต่างเลือกเปิดในพื้นที่ของสยามพารากอน และไอคอนสยาม  ซึ่งปี 2023 เพียงครึ่งปี มีอัตราการเปิด Pop-up store เทียบเท่าปี 2022 ตลอดทั้งปี ซึ่ง สยามพารากอน และไอคอนสยาม ถือเป็นสถานที่ที่มีความครบมากที่สุดของประเทศ

 

ทั้งด้านการนำเสนอสินค้าและบริการที่สามารถสร้าง Traffic ปริมาณลูกค้าที่หลากหลายทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 350,000-450,000 คนต่อวัน รวมถึงภาพลักษณ์ความพรีเมียมเหมาะสมกับจุดยืนของแบรนด์ และสามารถครองใจนักช้อปฯ จากทั่วทุกมุมโลก

 

ด้วยกระบวนการทำงานอย่างใกล้ชิดของทีมงานสยามพิวรรธน์กับกลุ่มลูกค้าลักซูรีแบรนด์ ทำให้สามารถถ่ายทอดคอนเซ็ปต์และช่วยเสริมทำให้การนำเสนอคอลเลคชั่นใหม่เป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

รวมทั้งการสนับสนุนในทุกช่องทางการสื่อสารเพื่อประชาสัมพันธ์การทำการตลาดเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุด ดังนั้น การมาเปิด Pop-up Store ของลักซูรีแบรนด์ดัง จึงมียอดขายที่ดีกว่าที่ตั้งไว้ หากพิจารณาจากจำนวนความถี่ในการจัดงานของแบรนด์ลักซูรีตลอดหลายปีที่ผ่านมา มีอัตราเพิ่มจำนวนขึ้นทุกปี 

 

อีกทั้ง มีความต้องการพื้นที่จัดกิจกรรมและเวลาในการจัดกิจกรรมเพิ่มขึ้น บางแบรนด์ที่เคยมาเปิด Pop-up Store ก็กลับมาเปิดอีกในความถี่ที่เพิ่มมากกว่า 1 ครั้งต่อปี มีการลงทุนด้านการจัดแสดงสินค้าที่เพิ่มมากขึ้น และขยายพื้นที่มากขึ้นเรื่อยๆ ยอดการจับจ่ายของลูกค้ามีแนวโน้มที่จะซื้อหลังจากเข้าร่วมกิจกรรมและสัมผัสกับประสบการณ์ที่น่าประทับใจ

 

ทำให้ แบรนด์ระดับโลกต่างมาเปิด Pop-up Store  หรือ Flagship Store ทั้งที่สยามพารากอนและไอคอนสยามเป็นที่แรกของประเทศหรือภูมิภาคอาเซียน

 

ล่าสุดแบรนด์ดังระดับโลกอย่าง BOTTEGA VENETA ที่มาเปิดตัว Pop-up Store แห่งใหม่ใจกลางเมือง ณ พาร์ค พารากอน เพื่อจัดแสดงผลงานการออกแบบคอลเล็กชั่นล่าสุด และ CELINE ที่ได้เลือกมาปักหมุดเปิด Pop-up พิเศษสำหรับแคปซูลคอลเล็กชั่นใหม่ ณ ไอคอนสยาม

 

รวมถึง DOLCE & GABBANA และ VERSACE ที่มาเปิดตัวคอลเลคชั่นใหม่ ณ สยามพารากอน เช่นกัน และก็จะมีอีกหลายแบรนด์ดังพาเหรดกันมาเพื่อที่จะร่วมส่งมอบปรากฎการณ์อันตื่นตาตื่นใจ

 

 โดยการสร้างประสบการณ์ลักซูรีของกลุ่มสยามพิวรรธน์ยังได้ขยายไปยังคนรุ่นใหม่ ภายใต้แนวคิด "Luxury for All" เป็นการถ่ายทอดคุณค่าความลักซูรีในมุมมองใหม่ เพื่อให้ทุกคนได้มีโอกาสเข้าถึงและสัมผัสกับปรากฎการณ์พิเศษ ทั้งด้านแฟชั่น ไลฟ์สไตล์ ดนตรี ศิลปะ อาหาร ท่องเที่ยว เทคโนโลยี และประสบการณ์เฉพาะตัวอื่นๆ ตอบรับทุกความต้องการของผู้คน ร่วมสัมผัสความลักซูรีได้ในหลากหลายมิติของไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต

TAGS: #สยามพิวรรธน์ #ลักซูรีแบรนด์ #LuxuryBrand