ตลาดการโอนกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์ในภาพรวมตลอด 5 ปื (2561-2565) เติบโตต่อเนื่อง อยู่ที่ 200,000 ล้านบาท/ปี และในปี 2565 อยู่ที่ 300,000 ล้านบาท

มูลค่าดังกล่าว แบ่งสัดส่วนเป็นของกรุงเทพฯ 60% และในต่างจังหวัด 40% เป็นอัตราใกล้เคียงกับพอร์ตการโอนฯของ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ ที่พัฒนาโครงการอสังหาฯในตลาดต่างจังหวัด ครอบคลุมราว 23  จังหวัด ถือเป็นรายใหญ่สุดในปัจจุบัน ควบคู่ไปกับการทำตลาดในกรุงเทพฯ

โดยเฉพาะ หนึ่งในพื้นที่ตลาดต่างจังหวัดหลัก อย่าง เขตพัฒนาเศรษฐกิจตะวันออก หรือ EEC  ครอบคลุม 3 จังหวัด ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และ ระยอง ที่ ‘ศุภาลัย’ มองเห็นศักยภาพอสังหาฯในทำเลนี้ว่า จะเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจสำคัญของประเทศในอนาคต

‘อีอีซี’ ยังเป็นทำเลอนาคตอสังหาฯ

‘ไตรเตชะ ตั้งมติธรรม’ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากความน่าสนใจตลาดอสังหาฯใน EEC ใน 3 จังหวัดดังกล่าว ด้วยคิดเป็น 1 ใน 3 หรือราว 110,000 ล้านบาท ของมูลค่าตลาดรวมอสังหาฯ ภูมิภาคที่มีอยู่ 300,000 ล้านบาท

“ปัจจัยหลักทำให้ตลาดอสังหาฯ EEC เติบโต มาจากการส่งเสริมจากทางภาครัฐ อาทิ การเป็นศูนย์กลางระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก, รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน เขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล, GPP ของ 3 จังหวัดในอีอีซี ติด 6 อันดับแรกของประเทศ ที่สะท้อนกำลังซื้อเป็นอย่างดี” ไตรเตชะ กล่าว

ตลาดชลบุรี มีเซอร์ไพรส์

พร้อมเปิดพฤติกรรมเชิงลึก (Insight) ลูกค้าเมืองชลฯ ท พิเศษและมีความยูนีคไปจากตลาดอื่น คือ พฤติกรรมการใช้ชีวิต อย่างการมา Sale Gallery เพื่อชมบ้าน/ห้องตัวอย่าง ส่วนใหญ่เป็นช่วงเวลา 11.00 น. ด้วยผู้คนที่นี่ใช้ชีวิตแบบ เวิร์ค ฮาร์ด เพลย์ ฮาร์ด ไปพร้อมกัน

โครงการฯแนวราบ ระดับกลาง-ล่างที่ขายดีส่วนใหญ่ จะตั้งในทำเลจุดรถรับส่งพนักงานภายในนิคมอุตสาหกรรม หากมีโครงการฯใด ‘หลุด’ แนวนี้ จะทำ“ยอดขาย’ ได้ค่อนข้างยาก

ด้านศักยภาพความพร้อมสาธารณูปโภคต่างๆ ทั้งโรงพยาบาล ศูนย์​การค้า สถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาหลายแห่ง ซึ่งพบว่าผู้อยู่อาศัยในจังหวัดชลบุรีใช้ชีวิตการทำงานต่อเนื่องทันทีหลังจบการศึกษา เป็นต้น มีความคุ้นเคยการใช้ชีวิตในเมืองชลฯ เป็นอย่างดี

ขณะที่เส้นทางการเดินทาง/คมนาคมโครงการฯ ลูกค้าชื่นชอบโครงการฯ ในทำเลซอกซอย ที่เชื่อมต่อไปยังถนนเส้นต่างๆ มากกว่าทำเลติดถนนใหญ่ รวมไปถึงแบบบ้านขายดีของที่นี่ เป็นดีไซน์คลาสสิคที่เคยได้รับความนิยมในเมื่อก่อน แต่ผู้คนที่นี่ยังให้ความชื่นชอบอยู่

ขณะที่ ศุภาลัย เข้ามาทำตลาดในชลบุรีตั้งแต่สิบปีก่อน และมองเห็นว่าจังหวัดนี้มีความพิเศษ และมีความยาก ยอมรับว่าเป็นตลาดที่แตกต่างไปจากการผู้บริโภคในกรุงเทพฯ โดยเริ่มตั้งแต่การตัดสินใจซื้อที่ดิน เพื่อพัฒนาในแต่ละโครงการฯ เพื่อรองรับความต้องการอยู่อาศัยที่แท้จริง (เรียล ดีมานด์) ที่แตกต่างไปจากความต้องการหลักในตลาดกรุงเทพฯ หรือในจังหวัดอื่น   ที่ลูกค้ามักต้องการโครงการฯ อยู่ติดถนนใหญ่ เพื่อสะดวกการเดินทาง

“ตลาดเมืองชลฯ มีความเซอร์ไพรส์มาก เราไม่อยากเป็นผู้พัฒนาฯที่มาจากกรุงเทพฯ เข้ามาทำตลาดเพื่อขายคนในภูมิภาค แต่เราจะทำตลาดแบบเชื่อมต่อกับคนท้องถิ่น ผู้รับเหมาก่อสร้างในพื้นที่แบบระยะยาวให้โตไปด้วยกัน ใช้ภาษาเดียวกันตอบโจทย์ลูกค้าให้มากสุด เราไม่อยากเป็นคนต่างถิ่นที่เข้ามาคุยกับคนท้องถิ่นที่คุยกันคนละภาษา” ไตรเตชะ ย้ำภาพให้ชัดขึ้น

พร้อมระบุถึงราคาที่ดินในจังหวัดชลบุรี ในรอบ5 ปีที่ผ่านมาเติบโต ราว 66% และในรอบ10 ปีเติบโตร่วม 100% ราคาเฉลี่ยราว 90,000 บาท/ตร.ว. ถือเป็นอีกหนึ่งทำเลจังหวัดที่มีศักยภาพในตลาดอสังหาฯ ภูมิภาค

“ทุกพื้นที่ในจังหวัดชลบุรี มีความเชื่อมโยงถึงกันหมด ทั้งบางแสน ศรีราชา พัทยา แหลมฉบัง ด้วยแต่ละแห่งต่างมีคาแรกเตอร์ทำเลของตัวเอง ทำให้ ศุภาลัย ไม่ต้องเลือกจะโฟกัสที่ไหน แต่ตัดสินใจทำทั้งหมด” ไตรเตชะ กล่าว

ด้วยศักยภาพของจังหวัดระดับตัวตึงในพื้นที่อีอีซี ทำให้ ‘ศุภาลัย’ ปักหมุดให้ ชลบรี เป็นหนึ่งในคีย์ โลเคชัน พัฒนาโครงการฯต่างๆ

ส่งบ้านหรู เจาะดีมานด์

ด้าน ‘ราชัย ปิยวาจานุสรณ์’ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กล่าวว่า ‘ศุภาลัย’ เปิดโครงการใหม่ระดับลักซ์ชัวรี “ศุภาลัย เอสเซ้นส์ อ่างศิลา” มูลค่าโครงการประมาณ 1,200 ล้านบาท เป็นครั้งแรกในจังหวัดชลบุรี จำนวน 147 ยูนิต บนพื้นที่โครงการกว่า 29 ไร่ ในราคาเริ่มต้น 4.5 – 18 ล้านบาท บนทำเลริมถนนอ่างศิลา

สำหรับ “บ้านเดี่ยว” ศุภศรัณย์ และศุภศิริ พื้นที่ใช้สอย 321 – 380 ตารางเมตร ออกแบบโปร่งโล่งด้วย Double Volume บริเวณห้องนั่งเล่นชั้น 1 ประกอบด้วย 5 ห้องนอน 5-7 ห้องน้ำ 1 ห้องพักผ่อนและ 4 ที่จอดรถ

“บ้านแฝด” ศุภศิลป์ พื้นที่ใช้สอย 243 ตารางเมตร 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ โดดเด่นด้วยระเบียงขนาดใหญ่ด้านข้างบริเวณชั้น 2 สามารถเป็น Garden Balcony ให้ทํากิจกรรมต่างๆได้ และมีมุมทํางานที่ชั้น 1 ตอบโจทย์ต่อการ Work From Home

“ทาวน์โฮม” ศุภนรา พื้นที่ใช้สอย 160 ตารางเมตร 3 ห้องนอน พื้นที่อเนกประสงค์ 2 จุด สามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานได้ตามใจทุก Lifestyle และมาพร้อม 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ

โดย “ศุภาลัย เอสเซ้นส์ อ่างศิลา” พร้อม PRE-SALE 15 – 16 ก.ค.นี้ คาดโครงการสามารถปิดยอดขายได้ในไตรมาส2 และไตรมาส3 ปี2567 พร้อมใช้ระยะเวลาดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จภายใน 2 ปี 6 เดือน

อสังหาฯ ครึ่งหลังปี66 ยังไหว

ไตรเตชะ กล่าวว่าภาพรวมอสังหาฯ ครึ่งปีหลัง 2566 ประเมินว่า จะดีกว่าช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ที่ชะงักไปในช่วงก่อนการเลือกตั้ง ปัจจัยบวกครึ่งปีหลังมาจากตลาดคอนโดฟื้นตัว จากที่ซบเซามาหลายปี ส่วนตลาดบ้านแนวราบ แนวโน้มทรงตัวไม่ได้ดีกว่าปี 2565 ส่วนปัจจัยลบยังต้องดูในเรื่อง อัตราดอกเบี้ย ที่อาจเพิ่มขึ้น, LTV ,ค่าแรง ซึ่งปรับเพิ่มได้ แต่อยากให้ค่อยเป็นค่อยไป

แผนเจาะตลาดภูมิภาค 5ปี35 จังหวัด

ขณะที่ ศุภาลัย มียอดขายอสังหาฯ สัดส่วน 58% ในกรุงเทพและปริมณฑล และ 42% ในตลาดภูมิภาค โดยเฉพาะภาคตะวันออกที่มีสัดส่วนมากถึง 11% สะท้อนความต้องการ(ดีมานด์) และความแข็งแกร่งในภูมิภาคนี้เป็นอย่างดี ซึ่งปี 2565 ที่ผ่านมาทำยอดได้ 2,000 ล้านบาท สูงสุดในตลาดภูมิภาค

โดยในปี 2566 สุภาลัย จะเปิดตัว 37 โครงการ โดยเปิดตัวไปก่อนหน้า 10 โครงการฯ ตั้งเป้ายอดขาย 36,000 ล้านบาท และตั้งเป้ายอดโอนกรรมสิทธิ์ 36,000 ล้านบาท

“ตลาดอสังหาริมทรัพย์ภูมิภาค บริษัทฯ ตั้งเป้า 5 ปี พัฒนาโครงการฯ ได้ครอบคลุม 35-40 จังหวัด ในทุกภาค เน้นจังหวัดที่มีศักยภาพและพร้อมที่สุด เช่น ในอนาคตอาจทำบ้านที่ จ.เพชรบุรี” ไตรเตชะ กล่าวทิ้งท้าย