จับตากกพ.เคาะค่าเอฟทีงวดส่งท้าย 7 ก.ค.นี้ ลงมากกว่า 20 สต. หลังกกร.เตรียมยื่นนายกฯกดดันหั่นค่าไฟงวด ก.ย.-ธ.ค.
นายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน( กกร.)ครั้งนี้ได้มีการแสดงความกังวลถึงภาระต้นทุนของผู้ประกอบการที่อยู่ในระดับสูงมาต่อเนื่อง โดยเฉพาะต้นทุนค่าไฟฟ้าและเตรียมทำหนังสือส่งไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาปรับลดค่าไฟฟ้าลงในงวดเดือนก.ย.-ธ.ค. 2566
ทั้งนี้หากพิจารณาปัจจัยที่นำมาคำนวณค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ(เอฟที) มีปัจจัยบวกที่ทำให้ค่าไฟฟ้าลดลงได้กว่า 10% จากงวดที่ 2 (พ.ค.-ส.ค. 66) และคาดว่าไม่ควรเกิน 4.25 บาท/หน่วย จากเดิม 4.70 บาท/หน่วย
สำหรับปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนให้ค่าไฟฟ้าลดลงได้ คือ 1. ปริมาณก๊าซจากอ่าวไทยโดยเฉพาะจากแหล่งเอราวัณทยอยเพิ่มจาก 200 ล้านลูกบาศก์ฟุต(ลบ.ฟุต)ต่อวัน เป็น 400 ล้านลบ.ฟุต/วัน ในเดือน ก.ค. และเพิ่มเป็น 600 ล้านลบ.ฟุตต่อวันในเดือนธันวาคมนี้ 2.ปริมาณการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลวหรือ LNG ลดลง
3. ราคา LNG Spot ลดลงมากกว่า 30% 4.ราคาพลังงานโลก มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง 5.ภาระหนี้ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ทั้งงวดที่ 1 และงวดที่ 2 ลดลงเร็วกว่าแผนด้วยต้นทุนจริง LNG ต่ำกว่าที่เรียกเก็บเอฟที แม้ว่าค่าเงินบาทจะยังอ่อนค่าในระดับ 35 บาท ต่อเหรียญสหรัฐ
อย่างไรก็ตาม กกร. มีข้อเสนอต่อภาครัฐในการพิจารณา ค่าเอฟที งวด 3/2566 (ก.ย. - ธ.ค.) ดังนี้ 1. ขอให้พิจารณาขยายเวลาการคืนหนี้ให้ กฟผ. จาก 5 งวด เป็น 6 งวด เพื่อให้ค่าเอฟที ลดลงอีก 10 สต.ต่อหน่วย ซึ่ง กฟผ. จะได้รับเงินคืนครบภายในเดือนสิงหาคม 2568 2. ขอให้มีการบูรณาการในการจัดหาเชื้อเพลิง LNG โดยมอบหมายผู้นำเข้าหลักเพียงรายเดียว (One Team*) ในการจัดหาเพื่อเป็นการสกัด Demand เทียมจาก Shipper หลายรายที่เข้าจัดหาในตลาด สำหรับนำมาผลิตไฟฟ้าในงวดที่ 3/2566 เพื่อให้ได้ราคาที่เหมาะสมตามกลไกตลาด และไม่ให้ประเทศเสียเปรียบ โดยจัดหาในราคาเฉลี่ย LNG ในช่วง 14-16 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู ซึ่ง กกร. มีความกังวลว่าหากเข้าสู่ฤดูหนาวจะทำให้ราคา LNG ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นจากความต้องการใช้พลังงานในโลก
รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) แจ้งว่า ในวันที่ 7 ก.ค. นี้จะมีเปิดเวที “ชี้แจงและตอบข้อซักถาม ผลการคำนวณค่าไฟฟ้าตามสูตรการปรับอัตราค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ (เอฟที ) และข้อเสนอทางเลือกเพื่อเปิดรับฟังความคิดเห็นประกอบการพิจารณาเพื่อประกาศเรียกเก็บค่าไฟฟ้าในรอบเดือนก.ย.- ธ.ค.2566 ซึ่งการพิจารณาอัตราค่าเอฟทีล่าสุดยังไม่เป็นที่พอใจของภาคเอกชนนักเนื่องจากมีโอกาสลดลงได้ประมาณ 20 สต. หรือมากกว่าเล็กน้อยเท่านั้น ในขณะที่ผู้ประกอบการต้องการให้ลดลงมาเฉลี่ย55 สต.ต่อหน่วย
สำหรับการพิจารณาค่าเอฟทีจำเป็นต้องดำเนินการควบคู่ไปกับการชดเชยหนี้คงค้างจากการเข้าไปช่วยอุ้มค่าไฟฟ้าของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) ด้วย