ปิดฉากลดภาษีดีเซล โยกใช้กลไกกองทุนน้ำมันฯดูแลต่อ หลังฐานะเริ่มดีขึ้น จับตาประชุมสบน.สัปดาห์หน้าลดต่อได้แค่ไหน
น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีรับทราบแนวทางการดำเนินมาตรภาษีสรรพสามิตเพื่อรักษาเสถียรภาพระดับราคาดีเซล หลังรัฐบาลได้ดำเนินมาตรการทางภาษีเพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนจากสถานการณ์ราคาพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่เดือนก.พ. 2565 โดยลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลง 5 บาทต่อลิตร ซึ่งทำให้สูญเสียรายได้ภาษีประมาณ 1.56 แสนล้านบาท และ จะสิ้นสุดในวันที่ 20 ก.ค. นี้ ส่งผลให้อัตราภาษีจะกลับสู่ภาวะปกติ
ทั้งนี้กระทรวงการคลังและกระทรวงพลังงานได้หารือและมีความเห็นร่วมกัน ว่า การใช้มาตรการทางภาษีเพื่อปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล หลังจากมาตรการการปรับลดอัตราภาษีน้ำมันดีเซลจะสิ้นสุดในวันที่ 20 ก.ค.นี้จะเป็นการดำเนินการที่ก่อให้เกิดผลผูกพันรัฐบาลในอนาคต ซึ่งคณะรัฐมนตรีที่ปฎิบัติหน้าที่ในช่วงที่มีการยุบสภาผู้แทนราษฎรไม่อาจกระทำการอันมีผลต่อการอนุมัติงานหรือโครงการหรือมีผลต่อการสร้างความผูกพันต่อคณะรัฐมนตรีชุดต่อไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2560 มาตรา 169 (1)
ขณะที่มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 21 มี.ค. 2566 เรื่องแนวทางปฏิบัติอันเนื่องมาจากการยุบสภา ประกอบกับ ปัจจุบันสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ราคาน้ำมันดีเซล ณ โรงกลั่น ในประเทศลดลงตามไปด้วย
ดังนั้น ในการรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันดีเซลอยู่ในวิสัยที่กระทรวงพลังงาน โดยสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสามารถดำเนินการได้ และเมื่อคำนึงถึงข้อจำกัดด้านรายได้และข้อกฎหมายและไม่ให้เกิดผลกระทบต่อประชาชน ในช่วงที่สถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศกำลังอยู่ในช่วงฟื้นตัว เห็นสมควรให้ใช้มาตรการของกองทุนน้ำมันที่มีฐานะการเงินดีขึ้นโดยลำดับ ทำหน้าที่ดูแลเสถียรภาพราคาน้ำมันดีเซล โดยกระทรวงการคลังและกระทรวงพลังงานจะติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันอย่างใกล้ชิดต่อไป
อย่างไรก็ตามนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง ยังรายงานภาพรวมความสำเร็จของรัฐบาลในการดำเนินนโยบายการเงินการคลัง ช่วยรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมัน และตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 35 บาท/ลิตร เสริมสร้างเสถียรภาพทางเสรษฐกิจมหภาค ลดผลกระทบต่อภาคธุรกิจ ไม่ให้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลเพิ่มสูงขึ้นจนเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนจากสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบที่ผันผวนด้วย
รายงานข่าวจากสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง แจ้งว่า ปัจจุบันฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมีภาระหนี้สะสมอยู่ 52,270 ล้านบาท แยกเป็นบัญชีน้ำมัน 6,598 ล้านบาท บัญชี LPG 45,672 ล้านบาท หากจะใช้กองทุนน้ำมันฯดูแลราคาดีเซล ก็อาจต้องลดจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯซึ่งขณะนี้เก็บอยู่ 4.42 บาทต่อลิตร หรือจะลดเก็บบางส่วน เนื่องจากจะทำให้รายได้ของกองทุนน้ำมันฯลดลงไปด้วย
อย่างไรก็ตามสัปดาห์หน้าจะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง(กบน.)ทางสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง(สกนช.)จะนำเสนอ Scenario ต่างๆ ในการดำเนินการหลังสิ้นสุดการลดภาษีฯดีเซลโดยนโยบายของกระทรวงพลังงานมุ่งดูแลประชาชนเป็นสำคัญโดยพยายามจะตรึงราคาไว้ให้มากที่สุด