แนวโน้มเงินทุนเคลื่อนย้ายและเงินบาท ขึ้นอยู่กับระยะเวลาจัดตั้งรัฐบาลและแต่งตั้งนายกฯ หากทำได้เร็ว เงินทุนอาจไหลเข้าทำให้บาทอาจแข็งค่าต่อได้
วชิรวัฒน์ บานชื่น นักกลยุทธ์ตลาดการเงินอาวุโส ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เงินทุนเคลื่อนย้ายไหลออกจากทั้งตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตรรัฐบาลไทยอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงก่อนการเลือกตั้ง และถึงแม้ว่าการเลือกตั้งจะผ่านพ้นไปแล้ว แต่ความไม่แน่นอนทางการเมืองไทยยังมีอยู่มาก ทั้งในเรื่องตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล รวมถึงระยะเวลาที่จะจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งจะส่งผลต่อความต่อเนื่องของการดำเนินนโยบายภาครัฐและนัยต่อเศรษฐกิจไทย ด้วยเหตุนี้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติจึงยังไม่ปรับดีขึ้นมากนัก เงินทุนเคลื่อนย้ายจึงยังไม่ไหลกลับเข้ามาอย่างชัดเจน
ในช่วงที่มีการเลือกตั้งในอดีต เงินทุนเคลื่อนย้ายก็ไหลออกจากตลาดการเงินไทยแต่ในอัตราที่แตกต่างกัน โดยหากสถานการณ์ความไม่แน่นอนยาวนานกว่า จะทำให้เงินทุนไหลออกมากกว่า ในปี 2557 ที่ความไม่แน่นอนสูงกว่า เนื่องจากการแต่งตั้งนายกฯ ใช้เวลานานกว่า และมีการประท้วงการเลือกตั้ง จึงทำให้เงินทุนเคลื่อนย้ายไหลออกจากตลาดการเงินไทยในปริมาณที่มากกว่า และใช้เวลานานกว่าที่เงินทุนจะไหลกลับมา
อีกทั้ง ปริมาณเงินทุนที่ไหลกลับเข้ามาก็มีน้อยกว่า อย่างไรก็ดี การเลือกตั้งในปี 2562 มีความไม่แน่นอนน้อยกว่า ทำให้เงินทุนไหลออกจากไทยในอัตราที่น้อยกว่า และไหลกลับเข้ามามากกว่าหลังมีการแต่งตั้งนายกฯ
วชิรวัฒน์ กล่าวต่อว่า Scenario ของสถานการณ์การแต่งตั้งนายกฯ ในสัปดาห์นี้จะส่งผลต่อแนวโน้มเงินทุนเคลื่อนย้าย และค่าเงินบาท รวมถึงอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยอย่างมาก โดยแบ่งเป็น
กรณีที่ 1 จัดตั้งรัฐบาลได้เร็ว: คุณพิธารวบรวมเสียงจากทั้ง ส.ส. และ ส.ว. ได้เกินกว่า 376 เสียง ทำให้การจัดตั้งรัฐบาลน่าจะใช้เวลาไม่นานนัก การดำเนินนโยบายภาครัฐน่าจะไม่ขาดตอน เงินทุนไหลกลับเข้าตลาดการเงินไทยในระยะสั้น ทำให้เงินบาทอาจแข็งค่าขึ้นจาก Sentiment ที่ปรับดีขึ้น (Relief rally) อย่างไรก็ดี ในระยะกลางถึงยาว เงินบาทอาจกลับมาอ่อนค่าได้ โดยขึ้นอยู่กับนโยบายของพรรคก้าวไกล ที่อาจมีการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจและแนวทางการดำเนินนโยบายภาครัฐ
SCB FM แนะให้ผู้นำเข้าอาจทยอยซื้อ USDTHB ในระยะสั้นที่มี Relief rally โดยมองกรอบที่ราว 34.40-34.85 ขณะที่ผู้ส่งออกอาจรอจังหวะขายหลังผ่านช่วง Rally มองกรอบที่ราว 35.40-35.55
กรณีที่ 2 จัดตั้งรัฐบาลได้ช้าแต่ไม่เกิดการประท้วง: คุณพิธาไม่สามารถรวมเสียงครบ 376 เสียง ทำให้ต้องเสนอชื่อนายกฯ จากพรรคอื่น โดยมีโอกาสสูงที่จะมาจากพรรคเพื่อไทย เงินทุนจะไหลออกจากตลาดการเงินไทยในช่วงแรกที่การโหวตยังไม่ผ่าน ทำให้เงินบาทอาจอ่อนค่าในระยะสั้น แต่หลังจากได้นายกฯ จากพรรคเพื่อไทยแล้ว เงินทุนเคลื่อนย้ายอาจทยอยไหลกลับมา เนื่องจากนโยบายของพรรคเพื่อไทยมีแนวโน้ม Pro-market มากกว่า เงินบาทจึงมีแนวโน้มกลับมาแข็งค่าได้ในระยะกลาง
SCB FM แนะให้ลูกค้าส่งออกอาจทยอยขาย USDTHB ช่วงที่อ่อนค่าในระยะแรก โดยมองกรอบที่ 35.40-35.75 ขณะที่ผู้นำเข้าอาจรอจังหวะซื้อหลังจากที่ได้นายกฯ ซึ่งบาทน่าจะกลับมาที่กรอบ 34.85-35.10
กรณีที่ 3 จัดตั้งรัฐบาลได้ช้ากว่า และเกิดการประท้วงวงกว้าง: พรรคเพื่อไทยเป็นฝ่ายเสนอชื่อนายกฯ พร้อมมีการเปลี่ยนขั้วจัดตั้งรัฐบาล ทำให้ระยะเวลาการจัดตั้งรัฐบาลจะนานกว่ากรณีที่ 2 เงินทุนไหลออกจากตลาดการเงินไทยต่อเนื่องและมากกว่ากรณีที่ 2 ทำให้เงินบาทอ่อนค่าลงมากกว่า อีกทั้ง ในช่วงที่เงินทุนไหลกลับเข้ามา อาจเข้ามาน้อยกว่าสองกรณีแรก การแข็งค่าในช่วงไตรมาส 4 จึงอาจน้อยกว่ากรณีอื่น
SCB FM แนะให้ลูกค้าส่งออกอาจตั้ง Target ขาย USDTHB ในระยะข้างหน้าที่ราว 35.75-36.00 ขณะที่ผู้นำเข้าอาจพิจารณาซื้อ Call option ที่ราคาใช้สิทธิราว 35.20 เพื่อปิดความเสี่ยงเงินบาทอ่อนค่าเร็ว