ลงทุนต่างชาติ-บริโภคในประเทศ หนุนอสังหาฯ อุตสาหกรรมโต เฟรเซอร์สฯ เปิดแผนพัฒนารับอนาคต

ลงทุนต่างชาติ-บริโภคในประเทศ  หนุนอสังหาฯ อุตสาหกรรมโต  เฟรเซอร์สฯ เปิดแผนพัฒนารับอนาคต
เฟรเซอร์สฯ แผนปั้นอนาคตอาคารอุตสาหกรรม ย้ำจุดแข็งประสบการณ์ เป้าขยายพื้นที่ใต้พอร์ตโฟลิโอแตะ 4 ล้านตร.ม. ในปี’69 รับอนาคตอสังหาฯอุตสาหกรรรมขยายตัวจากลงทุนต่างชาติ และบริโภคในประเทศ

โสภณ ราชรักษา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ อินดัสเทรียล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่าภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรมของปี 2566 เติบโตต่อเนื่องจากเศรษฐกิจไทยที่มีแนวโน้มขยายตัวจากภาวะการบริโภคและภาคบริการหลังโควิด-19

“แม้ว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกจะส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออก แต่ภาคอุตสาหกรรมบางกลุ่มยังสามารถเติบโตได้ดี ประกอบกับการย้ายฐานและขยายการลงทุนมาที่ไทยมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา” โสภณ กล่าว  

ทั้งนี้ FPIT เล็งเห็นโอกาสในการสร้างการเติบโตผ่านความได้เปรียบจากภูมิศาสตร์การเมืองโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลง ซึ่งเอื้อประโยชน์ต่อประเทศไทยในการเป็นฐานการผลิต และยังได้รับแรงสนับสนุนจากเทรนด์การทำธุรกิจอย่างยั่งยืนตามแนวทาง ESG (Environmental, Social, Governance)

โดยเปิดโอกาสให้ FPIT ได้ใช้ศักยภาพและความเป็นผู้นำกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรมในการพัฒนา Green Building Solution เพื่อให้บริการลูกค้าที่ต้องการยกระดับความยั่งยืนในระบบซัพพลายเชน

ด้วยยุทธศาสตร์ “เราพร้อม-เราต่าง” ของ FPIT ทำให้บริษัทฯ สามารถเพิ่มขีดความสามารถเพื่อรักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจอาคารอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ได้เป็นอย่างดี โดยใช้โรงงานและคลังสินค้าที่มีอยู่แบบ On Demand พร้อมต่อการให้บริการอย่างทันที ด้วยการส่งมอบโรงงานและคลังสินค้าให้เช่าคุณภาพสูงแบบสำเร็จรูป (Ready-Built) และสร้างความต่างในการให้บริการ Specialized Facility ที่มีความพิเศษเฉพาะตัวตรงตามความต้องการของลูกค้าแต่ละรายในรูปแบบสร้างความต้องการของลูกค้า (Built-to-Suit)

FPIT ยังคงความสามารถในการบริหารจัดการพอร์ตโฟลิโอได้อย่างแข็งแกร่ง ตอกย้ำสถานะผู้ให้บริการโรงงาน-คลังสินค้าสมัยใหม่อันดับ 1 ของอาเซียน ด้วยพื้นที่ภายใต้การบริหารจัดการ 3.5 ล้านตร.ม. ที่มีอัตราการเช่าเฉลี่ยสูงถึง 85% โดยบริษัทฯ ได้ตั้งเป้าจัดสรรงบลงทุนกว่า 10,000 ล้านบาท เพื่อเพิ่มพื้นที่ภายใต้การบริหารจัดการตามเป้าหมายภายใน 3 ปี หรือภายในปี 2569 เป็น 4 ล้านตร.ม. ยืนหนึ่งเป็นผู้นำธุรกิจอาคารอุตสาหกรรม

ในปีนี้ได้ก่อสร้างแล้วเสร็จและส่งมอบอาคารไปแล้วรวมพื้นที่ 140,000 ตร.ม. โดยทั้งหมดเป็นอาคารแบบสร้างตามความต้องการของลูกค้า ส่วนธุรกิจในต่างประเทศทั้งนิคมอุตสาหกรรมและคลังสินค้าที่เมืองบินห์เยือง ประเทศเวียดนาม และโครงการโลจิสติกส์เซ็นเตอร์ ในเมืองคาราวัง เมืองมากัซซาร์ และเมืองบันจาร์มาซิน ประเทศอินโดนีเซีย มีจำนวนลูกค้าและอัตราการเช่าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน

สำหรับแผนสร้างการเติบโตในอนาคต FPIT เดินหน้าสร้างความแตกต่าง เพื่อปั้นอนาคตอุตสาหกรรม ปลดล็อกประสบการณ์ที่เหนือกว่า (Shaping the Industrial Future, Unlocking Customer  Experience) โดยมีแผนขยายสินค้าและบริการให้หลากหลายและครบวงจรในอีก 3-5 ปีข้างหน้า ครอบคลุมความต้องการของลูกค้าทุกขนาดและทุกกลุ่มธุรกิจ ได้แก่

1.การพัฒนาโลจิสติกส์ขนาดเล็กในเมือง ซึ่งเป็นโมเดลธุรกิจรูปแบบใหม่ เปิดโอกาสให้ภาคอุตสาหกรรมใช้พื้นที่ภายในเมือง และเพิ่มความรวดเร็วในการขนส่ง

2. เดินหน้าพัฒนาอาคารโรงงาน-คลังสินค้า และโลจิสติกส์พาร์คในพื้นที่ยุทธศาสตร์อย่างต่อเนื่อง 

3. การต่อยอดพัฒนาพื้นที่อุตสาหกรรม และเมืองอุตสาหกรรมที่รวมโรงงาน คลังสินค้า คอมเมอร์เชียล และที่อยู่อาศัยมาไว้ในพื้นที่เดียวกัน เพื่อยกระดับและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับพื้นที่ และสร้างความยั่งยืนให้กับภาคอุตสาหกรรม

ขณะเดียวกัน FPIT ได้พัฒนาโซลูชันสินค้าและบริการรูปแบบใหม่ เพื่อรับความต้องการใหม่ของตลาด ด้วยการพัฒนาอาคารอุตสาหกรรม “แบบสร้างตามฟังก์ชันพร้อมใช้” หรือ “Built-to-Function”  จะพร้อมให้บริการเร็วๆนี้ รองรับลูกค้ากลุ่มผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ (3PL) ที่เชี่ยวชาญสินค้า/บริการเฉพาะทาง และลูกค้าองค์กรทั่วไปที่ต้องการใช้อาคารเฉพาะทางพร้อมใช้

โดยเพิ่มเติมความเหนือระดับเข้าไปในอาคาร Ready-Built ด้วยการเสริมมาตรฐานและฟีเจอร์ต่าง ๆ เพื่อตอบโจทย์การดำเนินงานของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงเพิ่มคุณสมบัติทางด้านความยั่งยืนให้เป็นฟังก์ชันมาตรฐานสำหรับอาคารรูปแบบนี้อีกด้วยเพื่อตอบโจทย์เทรนด์และความต้องการอาคารที่มีความยั่งยืน

FPIT ยังได้นำประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านการออกแบบและพัฒนาอาคารสีเขียวที่มีความยั่งยืนมายกระดับมาตรฐานอาคารอุตสาหกรรม สู่การเป็นองค์กรที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Carbon) ภายในปี ค.ศ.2050

โดยพัฒนาอาคารตามมาตรฐานสากล อาทิ LEED และ EDGE อย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีอาคารที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน LEED ระดับ Gold Silver และ Certified รวมพื้นที่กว่า 500,000 ตร.ม. พร้อมทั้งตั้งเป้าพัฒนาอาคารใหม่และปรับปรุงอาคารเดิมให้ได้มาตรฐานสีเขียวระดับสากล ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าประหยัดพลังงาน ลดค่าใช้จ่าย และก้าวไปสู่ Net Zero Community พร้อมกัน

 

TAGS: #เฟรเซอร์ส #พร็อพเพอร์ตี้ #อสังหาริมทรัพย์ #อุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์